@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ[อวสาน/1] วันที่ 6 ธ.ค. 55

อ่านละคร รากบุญ[อวสาน/1] วันที่ 6 ธ.ค. 55

“เจไม่ต้องห่วงนะ พี่ขอกำลังตำรวจไว้พร้อมแล้ว พอถึงเวลาเจก็ไปตามนัด แล้วพี่จะนำกำลังเข้าไปจับกุมนายพิสัยเอง” นวัชบอก
ลาภิณและเจติยาชำเลืองมองหน้ากันโดยยังไม่สบายใจนัก เพราะรู้ว่าพิสัยเจ้าเล่ห์มาก น่าจะอ่านเกมนี้ออก
นวัชสงสัย “ตกลงนายพิสัยจะยอมปล่อยคุณน้ากับนทีแลกเปลี่ยนกับอะไรเหรอเจ”
เจติยาชะงักไปเล็กน้อย “ก็เป็นกล่องโบราณใบนึงน่ะค่ะ”
นวัชตกใจเพราะนึกไม่ถึง “กล่องโบราณเนี่ยนะ”
“ค่ะ”

นวัชอึ้งไป ก่อนจะขำออกมา “มันเป็นกล่องซ่อนลายแทงขุมทรัพย์เอาไว้รึไง นายพิสัยถึงได้กล้าเสี่ยงทำความผิดเพิ่มให้ตัวเองเข้าไปอีก”
เจติยา และลาภิณหันไปสบตากันเพราะทั้งคู่รู้ดีว่ากล่องรากบุญเป็นยิ่งกว่ากล่องมหาสมบัติเสียอีก
เจติยาหยิบกล่องรากบุญขึ้นมามองอย่างพิจารณา เธอครุ่นคิดถึงปมปัญหาหลายอย่าง ลาภิณเคาะประตูห้องก่อนเปิดเข้ามา
“หมวดโทรมาตาม บอกให้ออกเดินทางได้แล้วนะ”



“ค่ะ” เจติยาถอนใจออกมา “แต่เจว่างานนี้พี่หมวดคงช่วยเราไม่ได้มากหรอกค่ะ” เจติยาเอากล่องรากบุญใส่เป้ที่เตรียมไว้
“ทำไมคิดอย่างงั้นล่ะ”
“เจเชื่อว่าคุณพิสัยต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้อย่างดีแล้ว แล้วงานนี้นายปราณต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแน่นอน” เจติยามีสีหน้าหนักใจ
“นายคนนี้อีกแล้วเหรอ ตกลงเค้าเป็นใครกันแน่เจ”
“เจก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ ลุงทวีเหมือนจะรู้ แต่ก็บอกเราไม่ได้ซะแล้ว” เจติยาถอนหายใจออกมา
ลาภิณร้อนใจเพราะกลัวเสียแผน “เรารีบไปกันดีกว่า”
เจติยาพยักหน้ารับแล้วรีบเดินตามลาภิณออกไปจากห้องทันที

มยุรีและนทีถูกมัดปากมัดขาอยู่มุมกระท่อม พิสัยเดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ ส่วนมยุรีก้มหน้านิ่งด้วยความกลัว นทีแอบมองไปที่ปราณด้วยสีหน้าสงสัยว่าเป็นใคร ปราณเบิกตาใส่นทีหน้าตาดุแล้วก็มีแสงสีแดงวาบสว่างขึ้นมาจากดวงตา นทีตกใจรีบก้มหน้าหลบไปด้วยความกลัว
พิสัยร้อนใจ “ทำไมมันยังไม่มาซะทีนะ มันจะมาไม้ไหนกันแน่”
“จะไม้ไหนก็ไม่เห็นต้องกลัวเลย” ปราณยิ้มมั่นใจ “ต่อให้มันขนคนมาช่วยเป็นร้อย ก็จะไม่มีใครเข้ามาถึงที่นี่ได้หรอก ถ้าฉันไม่อนุญาต” ปราณสะแหยะยิ้มร้าย
นทีแอบชำเลืองมองหน้าปราณอีกครั้ง เขารู้สึกได้ถึงพลังอำมหิตของผู้ชายคนนี้

ลาภิณขับรถพาเจติยามาจอดที่ชายสวนตอนหัวค่ำ ทั้งคู่ลงจากรถ โดยที่เจติยาสะพายเป้ใส่กล่องรากบุญลงมาด้วย
“คุณต้นไปหาพี่หมวดตามแผนเถอะค่ะ เดี๋ยวเจเดินเข้าไปคนเดียวได้” เจติยาบอก
“เธอคิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้เธอไปคนเดียวเหรอ” ลาภิณจับมือเจติยามากุมเอาไว้แน่น
เจติยาอึ้ง
ลาภิณจูงเจติยาเดินตรงไปยังที่ตั้งของกระท่อม เจติยามีสีหน้าไม่สบายใจเพราะไม่อยากให้ลาภิณต้องมาเสี่ยงไปด้วย

ที่อีกด้านหนึ่งของสวน นวัชและตำรวจจำนวนหนึ่งทยอยลงจากรถก่อนจะเข้ามาฟังแผนจากนวัช
นวัชกางแผนที่วาดมือคร่าวๆให้ดู “เดี๋ยวเราเดินตรงไปทางนี้ จะถึงเป้าหมายก่อน แล้วก็รีบกระจายกำลังล้อมเอาไว้อย่าให้มันรู้ตัว”
กลุ่มตำรวจรับคำ
นวัชหยิบโทรศัพท์มือถือโทรออกหาเจติยา “เจ ถึงไหนแล้ว” นวัชฟังอีกฝ่ายแล้วก็พบว่าสัญญาณหายไป “ฮัลโหลๆ เจ ได้ยินรึเปล่า ฮัลโหล” นวัชดูมือถือ “อ้าว ทำไมไม่มีสัญญาณล่ะ”
ตำรวจนายหนึ่งหยิบมือถือของตัวเองมาดู “ของผมก็ไม่มีเหมือนกันครับหมวด เอ๊ะแปลก ชานเมืองแค่นี้ไม่ได้หลังป่าหลังเขาซะหน่อย”

ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดแรงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมาทันที ลมพัดแรงจนนวัชกับพวกตำรวจมองอะไรไม่เห็น ตำรวจบางคนต้องหมอบลง บางคนต้องไปเกาะต้นไม้ใหญ่เอาไว้

ปราณกำลังสะแหยะยิ้มสะใจ
“ไอ้พวกโง่ มึงไม่รู้หรอกว่ากำลังต่อสู้อยู่กับใคร”
ปราณยืนอยู่หน้ากระท่อม โดยมีพิสัยกำลังก่อกองไฟอยู่ใกล้ๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนคนเหยียบเศษใบไม้ดังขึ้น
พิสัยรีบชักปืนออกมาแล้วตะคอก “ใครวะ”
เจติยากับลาภิณเดินออกมาหาปราณ และพิสัย
“อย่ายิงนะ” ลาภิณบอก
พิสัยยิ้มพอใจ “มาพร้อมหน้ากันอย่างงี้ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา” พิสัยจ้องลาภิณด้วยสีหน้าชิงชัง
ลาภิณจ้องหน้าพิสัยตอบ อย่างไม่ลงให้กัน
“แม่กับน้องฉันอยู่ไหน” เจติยาถาม
ทันใดนั้นประตูกระท่อมก็เปิดออกเองโดยอิทธิฤทธิ์ของปราณ ทำให้เจติยาเห็นมยุรีและนทีถูกจับมัดอยู่ในกระท่อม มยุรีและนทีสีหน้าหวาดกลัว

มยุรีเป็นห่วงลูกจึงพูดทั้งที่ถูกมัดปากทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง “เจ หนีไปลูก ไม่ต้องห่วงแม่”
เจติยาโมโห “อย่าทำอะไรแม่กับน้องฉันนะ”
พิสัยเล็งปืนขู่แล้วตะคอก “หุบปากไปเลย เอากล่องรากบุญมาให้ฉัน แล้วก็รีบๆสละความเป็นเจ้าของซะ ไม่ยังงั้นแม่กับน้องแกได้ตายกลาย เป็นผีเฝ้าสวนให้ไอ้ต้นแน่”
เจติยาแค้นใจ แต่ก็รีบเปิดเป้แล้วหยิบเอากล่องรากบุญออกมา
พิสัย และปราณมองไปที่กล่องด้วยตาแวววาว
“เดี๋ยวเจ เราจะมั่นใจได้ยังไง ว่าให้กล่องไปแล้ว เราทั้ง 4 คน จะปลอดภัย” ลาภิณท้วง
ปราณขำหยัน “ก็พาตำรวจมาด้วยไม่ใช่เหรอ จะกลัวอะไรอีก”
พิสัยตกใจมาก “นี่แกคิดหักหลังฉันเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงพิสัย ตำรวจหน้าโง่พวกนั้นไม่มีทางหาที่นี่เจอหรอก” ปราณบอก
เจติยาและลาภิณสบตากันเล็กน้อยเพราะชักรู้สึกไม่ค่อยดี
ปราณพูดเสียงดุดันพร้อมกับเบิกตาใส่เจติยา “ส่งกล่องมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
เจติยายื่นกล่องออกไป พิสัยสะแหยะยิ้มแล้วจะเข้าไปรับ เจติยาชักกล่องกลับมากอดเอาไว้
เจติยาจ้องปราณ “คุณเป็นใครกันแน่”
พิสัยตวาด “ส่งมันมาเถอะน่ะ”
“ไม่” เจติยาจ้องปราณ “ตอบฉันมาก่อน ไม่งั้นฉันไม่มีทางสละความเป็นเจ้าของกล่องเด็ดขาด...ฉันไม่เข้าใจ กล่องใบนี้มีเจ้าของซ้ำกันสองครั้งไม่ได้ มันเป็นกฎ ทำไมคุณถึงทุ่มเทจะเอามันคืน ทั้งที่ไม่มีทางเป็นเจ้าของมันได้อยู่แล้ว”
ปราณหัวเราะออกมา “ฉันต้องการให้มันเลือกเจ้าของคนใหม่”
“ทำไม”
ปราณพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจนแทบจะคำราม “ก็เพราะแกจะทำลายกล่องรากบุญน่ะสิ”
เจติยาตกใจ “คุณรู้ได้ยังไง คุณเป็นใครกันแน่”
“อย่าเสียเวลาไปตอบคำถามไร้สาระของมันเลย” พิสัยบอก
ปราณยกมือห้ามพิสัย แล้วสืบเท้าเข้าหาเจติยา ลาภิณทำหน้าตาขึงขังแล้วเข้ามาขวางทาง ปราณแค่ยกมือขึ้นปัดเบาๆ ลาภิณก็กระเด็นล้มกลิ้งไปกับพื้น
เจติยาตกใจและเป็นห่วง “คุณต้น”
“ในฐานะที่เธอเป็นเจ้าของกล่องรากบุญ” ปราณเอ่ย
เจติยาหันกลับมามองหน้าปราณ
“ฉันจะตอบคำถามเพื่อคลายความสงสัยให้เธอ 3 ข้อ เพื่อแลกกับเจ้าของสิทธิ์ในความปรารถนาและกล่องรากบุญ ตกลงมั้ย”
“ให้สัญญาก่อนว่าจะปล่อยพวกเราไป” เจติยาบอก
“ได้คืบจะเอาศอก” พิสัยว่า
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันต้องการเจ้าของสิทธิ์ในความปรารถนาและกล่องรากบุญเท่านั้น ชีวิตมนุษย์กระจอกๆ อย่างพวกแกฉันไม่ต้องการ” ปราณพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “คำถามแรก”
เจติยาจ้องหน้าปราณ “คุณเป็นใครมาจากไหน”
ปราณยิ้มเย็น พร้อมๆ กับชี้ไปที่กล่องรากบุญที่เจติยากอดไว้แน่น เจติยาก้มมองกล่องรากบุญในมือด้วยสีหน้างุนงง

นวัชกับพวกตำรวจเดินหลงทางอยู่ในสวน ทั้งหมดเดินจนเหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้
“หมวดครับ เรามาผิดทางรึเปล่าครับ เดินมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นวี่แววกระท่อมเลย”
นวัชเครียด “ไม่ผิดหรอกจ่า ผมเช็คทางกับคุณลาภิณแล้ว จากจุดที่เราจอดรถ ไม่น่าจะเดินถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ” นวัชมีสีหน้างงๆ อยู่เหมือนกัน
“แปลกๆ นะครับหมวด เจ้าของสวนก็เพิ่งตาย จะผีบังตารึเปล่าก็ไม่รู้” นายตำรวจคนหนึ่งชักกลัว “ไร้สาระน่า” นวัชหันไปพูดกับตำรวจคนอื่น “มือถือใครใช้ได้แล้วมั่ง”
พวกตำรวจหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู แต่ก็ไม่มีใครมีสัญญาณสักคน
“ของผมยังไม่มีสัญญาณเลยครับ” ตำรวจคนหนึ่งตอบ
“ของผมก็ไม่มีครับ” ตำรวจอีกคนบอก
นวัชหงุดหงิด “เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย” นึกขึ้นได้ หยิบมีดพกเล็กๆ ขึ้นมา ทำรอยบากกับต้นไม้เป็นเครื่องหมายกันหลงทาง

เจติยายังคงพูดคุยกับปราณด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไหนคุณบอกว่าคุณไม่ใช่วิญญาณไงล่ะ แล้วคุณจะอยู่กับกล่องรากบุญได้ยังไง” เจติยาถาม
“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันอยู่กับกล่อง ฉันถือกำเนิดจากกล่องตะหาก ฉันกับกล่องรากบุญคือส่วนหนึ่งของกันและกัน “ ปราณสะแหยะยิ้ม
“นายเกิดจากกล่องได้ก็ไม่ใช่คนแน่ๆ ผีก็ไม่ใช่ วิญญาณก็ไม่ใช่ เป็นปิศาจรึไง” ลาภิณถาม
ปราณหัวเราะก้องแล้วจ้องหน้าลาภิณ “จะเรียกยังงั้นก็ได้”
พิสัยอึ้งไป เขาเหล่มองปราณแล้วก็ชักกลัว
“เป็นไปไม่ได้ ลุงทวีไม่เคยเล่าให้ฉันฟังเลย ว่ากล่องมีปิศาจอยู่ด้วย” เจติยาค้าน
ปราณขำดูถูก “ทวีก็ไม่ได้รู้เรื่องของฉันนักหรอก”
“แล้วทำไมแกต้องเลือกฉันเป็นเจ้าของกล่องคนต่อไปด้วย” พิสัยระแวง “คิดจะทำอะไรกันแน่”
ปราณตวาด “ถ้าแกอยากสบาย ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ” ร่างของปราณเลื่อนไปประชิดพิสัยแล้วบีบคอ ”ไม่ต้องสู่รู้ให้มันมากนัก”
พิสัยมีสีหน้าหวาดกลัว ปราณผลักร่างพิสัยจนกระเด็นล้มไปกับพื้น พิสัยขยับตัวถอยห่างปราณด้วยความกลัว ลาภิณรีบลุกมาจับมือเจติยาเอาไว้ ปราณหันขวับมาถลึงตาเบิกโพลงสีแดงกล่ำใส่ทั้งคู่ทันที

นทีอาศัยจังหวะที่ทุกคนสนใจแต่เรื่องปราณแอบคลายเชือกที่มัดไว้ออกทีละน้อยๆ มยุรีสีหน้ากลัวปนลุ้นในขณะมองไปนอกกระท่อม แล้วเธอก็ค่อยๆ ขยับตัวพยายามจะบังไม่ให้คนเห็นว่านทีกำลังแก้มัดอยู่

เจติยากับลาภิณจับมือกันแน่นเพราะเริ่มกลัวปราณ
เจติยาคิดทบทวนก่อนถามต่อ “คุณบอกว่าคุณเกิดจากกล่องรากบุญ ถ้างั้นบอกได้มั้ย ว่ากล่องทำให้คุณเกิดขึ้นมาได้ยังไง”
“ถือว่าเป็นคำถามที่สอง” ปราณยิ้มพอใจ “กล่องรากบุญมอบทุกความปรารถนาให้กับเจ้าของตามเงื่อนไขของมัน มันจึงเป็นที่รวมกิเลสต่างๆของมนุษย์มานานนับร้อยปีแล้ว”
เจติยาและลาภิณแอบสบตากัน
“ผู้สร้างกล่องใบนี้ต้องการกระตุ้นให้มนุษย์” ปราณทำสีหน้าเหยียดหยาม “ที่มากด้วยกิเลส หันมาสร้างบุญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัว”
“เหมือนกับบังคับให้ทำบุญมากกว่า” เจติยาขัด
“เธอจะคิดยังงั้นก็ได้ แต่สิ่งที่ผู้สร้างกล่องต้องการคือผลต่อเนื่องหลังจากถูกบังคับต่างหาก”
“ผลต่อเนื่องยังไง” เจติยาถาม
“ความสุขหลังจากการทำบุญ ถ้าพวกเค้าสัมผัสความสุขนั้น ก็น่าจะทำบุญต่อเนื่องไปด้วยใจสมัคร” ปราณขำเยาะหยัน “แต่มันไม่เคยเป็นอย่างที่ผู้สร้างปรารถนาเลย” ปราณถอนหายใจส่ายหน้าด้วยสีหน้าสมเพช “มนุษย์มันโลภไม่รู้จักพอ สุดท้าย พวกมันก็ขอพรเพื่อสนองตัณหาของตัวเองเท่านั้น”
เจติยาทำมือไขว้กันเป็นสัญญาณขอเวลานอก “ขอถามนอกรอบได้มั้ย”
“เรื่องมากซะจริง ว่ามา”
“แล้วใครเป็นคนสร้างกล่องรากบุญ”
ลาภิณมองไปที่ปราณด้วยสีหน้าอยากรู้เช่นกัน
“ท่านมัจจุราช” ปราณตอบ
ลาภิณและเจติยามีสีหน้าตกใจมากเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

ตำรวจแต่ละคนเดินจนหมดแรงต่างคนต่างเข่าอ่อนเพราะเดินเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึงกระท่อมที่เป็นเป้าหมายเสียที นวัชใช้ไฟจากมือถือส่องดูรอยมีดที่ต้นไม้ซึ่งตัวเองทำไว้
นวัชเครียดหนักเพราะงงไปหมด “วนกลับมาที่เดิมจริงๆด้วย อะไรของมันวะเนี่ย”
นวัชมองไปรอบๆด้วยความหนักใจเพราะเป็นห่วงลาภิณและเจติยามาก แต่ก็ไม่รู้จะตามไปช่วยอย่างไร

ปราณเหยียดยิ้มด้วยความสมเพช “ท่านไม่อยากเห็นมนุษย์ตกนรกกันมาก จึงสร้างกล่องรากบุญขึ้นมา เพื่อชี้นำให้มนุษย์สร้างบุญกุศลกัน มันเป็นความเมตตาของท่านมัจจุราช แต่มนุษย์ช่างโง่เขลาที่มองไม่เห็นความปรารถนาดีนี้ พากันเดินลงสู่นรกมากขึ้นเรื่อยๆ” ปราณขำอย่างสมน้ำหน้า

ลาภิณเดินเข้ามาหาปราณ “แต่หลายคนก็ทำตามที่กล่องต้องการแล้วนี่”
ปราณยิ้มบางๆ “แต่มันเป็นส่วนน้อยมาก จนทำให้ท่านมัจจุราชผิดหวังเลยละความสนใจไปจากมัน ปล่อยให้มันเปลี่ยนมือไปตามยถากรรม”
“กล่องรากบุญเป็นพลังส่วนหนึ่งของท่านมัจจุราช แล้วคุณล่ะ” เจติยาถาม
“พลังของกล่องรากบุญ อยู่ต่อเนื่องได้ด้วยแรงเสริมจาก กิเลสของมนุษย์ที่มันซึมซับไว้ทุกครั้ง เมื่อมีคำขอจากเจ้าของกล่อง หลายร้อยปีที่ผ่านมาพลังกิเลสรวมตัวกันอยู่ในกล่องใบนี้ ไม่มีรูปร่างแน่นอน และมนุษย์ยากจะสัมผัสมันได้”
ลาภิณอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วคิดตาม “นี่นายกำลังจะบอกว่า นายคือกิเลสของมนุษย์ที่มีรูปร่างอย่างงั้นเหรอ”
ปราณยิ้มพอใจ “ใช่ มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่มีกิเลสด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไม่มีใครเอาชนะฉันได้หรอก” ปราณหันไปพูดกับเจติยา “คำถามสุดท้าย”
เจติยาหน้าเครียดอยู่ครู่นึง ก่อนจะยิ้มออกมาแบบถือไพ่เหนือกว่า “ในเมื่อคุณคือกิเลสของเจ้าของกล่องคนก่อนๆ ถ้างั้นคำถามข้อที่สาม ฉันขอถามคุณว่า... กล่องรากบุญสมควรที่จะมีอยู่ต่อไปรึเปล่า”
ทุกคนพากันอึ้งกับคำถามของเจติยาเพราะไม่มีใครคิดว่าเจติยาจะถามคำถามนี้ออกมา

นทีอาศัยช่วงที่ทุกคนกำลังสนใจปราณสลัดเชือกที่มัดข้อมือจนหลุดออกมาจนได้ นทีและมยุรีสบตากัน นทีคอยจับตาดูสถานการณ์แล้วขยับไปแกะมัดเชือกที่มัดมือมยุรีอย่างระวังที่สุด

ปราณจ้องหน้าเจติยา “ฉันเคยได้ยินมนุษย์ชอบพูดว่าตักบาตรอย่าถามพระ” ปราณยิ้มมุมปาก
“การสร้างบุญกุศลควรเกิดจากหัวใจที่อยากทำ แต่กล่องรากบุญมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกับการทำบุญ มันเป็นการค้าบุญมากกว่า” เจติยาบอก
“ฉันเห็นด้วยกับเจ ถึงหลายคนจะได้อานิสงส์จากการทำบุญนั้นก็เถอะ แต่มันไม่ใช่เป็นการสร้างบุญอย่างแท้จริง”
พิสัยรำคาญ “จะเสียเวลาฟังพวกมันพล่ามอยู่ทำไม”
ปราณยกมือห้ามไม่ให้พิสัยพูด
“ตอนนี้กล่องรากบุญถูกพลังกิเลสครอบงำจนทำให้จุดประสงค์ดั้งเดิมถูกบิดเบือนไปแล้ว สิ่งที่ควรถูกกำจัดก่อนเป็นอันดับแรกคือพลังกิเลสในกล่อง ซึ่งก็คือตัวนาย” เจติยาว่า
“กำจัดพลังกิเลสงั้นเหรอะ” ปราณหัวเราะหยัน “กล่องรากบุญต้องมีอยู่บนโลกต่อไป เพื่อนำทางมนุษย์ให้ทำบุญมากขึ้น”
เจติยายิ้มสมเพช “นั่นเป็นคำตอบของนายคนเดียว”
“ปราณปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์ได้ ก็เพื่อปกป้องการคงอยู่ของกล่องรากบุญเอาไว้” ปราณบอก
“นายแบกบาปไว้ แล้วละทิ้งเป้าหมายแท้จริงของผู้สร้างกล่องรากบุญต่างหาก”
ปราณจ้องตาเจติยาด้วยสายตาดุดันแล้วพูดเสียงขึงขัง “แกจะขัดขวางเป้าหมายของท่านมัจจุราชด้วยการทำลายกล่อง ฉันมีหน้าที่พิทักษ์กล่องรากบุญ”
“พลังกิเลสอย่างคุณนั่นแหละที่เป็นตัวทำลายกล่อง”
ปราณตวาดสวนทันที “ไม่จริง ตอนนี้เธอถามครบสามข้อแล้ว ถ้าไม่บอกสละกล่องรากบุญเดี๋ยวนี้ ฉันจะฆ่าคนรอบข้างเธอทีละคน เริ่มจากไอ้นี่ก่อนก็แล้วกัน”
ทันใดนั้น ปราณก็ใช้พลังจิตบีบคอลาภิณจนลาภิณหายใจไม่ออก สองเท้าของลาภิณลอยขึ้นมาพ้นพื้น
เจติยาตกใจ ขณะที่พิสัยสะใจมาก
“ลาก่อนไอ้ต้น” พิสัยขำชอบใจ
ลาภิณมีท่าทางกระเสือกกระสนเพราะกำลังขาดอากาศ ทันใดนั้น ก็มีแสงสว่างสีขาววูบขึ้นรอบตัวลาภิณ ก่อนที่ลาภิณจะร่วงลงสู้พื้นพร้อมกับไอโขลก แล้วอำนาจทั้งหมดของปราณสูญสลายไป
ปราณตกใจสุดๆ แล้วหันไปมองเจติยา “เธอทำอะไรของเธอ”

เจติยายิ้มแบบคนถือไพ่เหนือกว่า “ฉันก็สะกดพลังของนายไม่ให้ทำร้ายใครได้อีกน่ะสิ ที่ฉันถามนายสองข้อแรก ก็เพื่อจะยืนยันสิ่งที่ฉันคิด เมื่อฉันแน่ใจแล้วว่านายเป็นส่วนหนึ่งของกล่องรากบุญ ฉันในฐานะของเจ้าของกล่อง ก็ต้องมีอำนาจควบคุมนายได้เหมือนกัน”
ปราณมีสีหน้าโกรธแค้นอย่างที่สุด
ปราณขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจที่เสียท่าให้เจติยา เขาหันไปพูดกับพิสัย “ยิงมันสิ ยืนเฉยอยู่ทำไม ตอนนี้ฉันขยับตัวไม่ได้แล้ว มีแต่แกเท่านั้นที่จะจัดการกับมันได้”
พิสัยเล็งปืนไปที่เจติยา ลาภิณรีบไปขวางหน้าเจติยาทันที ทันใดนั้นนทีที่รอโอกาสอยู่ก็พุ่งเข้ามากระแทกพิสัยจนปืนหลุดกระเด็นไป

นวัชกับตำรวจยังหาทางออกไม่เจอ ทั้งหมดยังคงเดินหลงทางอยู่ แต่เมื่ออำนาจของปราณสูญสิ้น บรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยน
ตำรวจนายหนึ่งเหลือบไปเห็นแสงไฟจากกระท่อม “หมวดครับ กระท่อมอยู่ทางนั้นครับ” นวัชรีบนำพวกตำรวจไปทันที

พิสัยกับนทีชกต่อยกัน แต่พิสัยเป็นมวยกว่าจึงต่อยนทีจนล้มคว่ำแล้วถีบนทีจนกระเด็นไป พิสัยจะเข้าไปซ้ำ แต่ลาภิณเข้ามาเตะพิสัยก่อนแล้วตามเข้าไปชกซ้ำทันที มยุรีรีบวิ่งเข้ามาดูแลนที เจติยามองทั้งคู่สู้กันด้วยความเป็นห่วง พอขยับจะเข้าไปช่วย ปราณก็ขยับตัวตามทันที
เจติยาเหลือบเห็นปราณขยับตัวก็รีบบอก “หยุดนะ”
ปราณหยุดชะงักตามคำพูดของเจติยาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “เธอยังควบคุมฉันได้ไม่สมบูรณ์หรอกเจติยา เพราะเธอมีเวลาอยู่กับกล่องน้อยเกินไป แล้วที่สำคัญ ถึงเธอจะหยุดฉันได้ แต่ก็ทำลายฉันไม่ได้หรอก เพราะเธอยังไม่ได้เหรียญดาวทุกข์ดวงที่สาม”

อ่านละคร รากบุญ[อวสาน/1] วันที่ 6 ธ.ค. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา manager