@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 24 ธ.ค. 55

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 24 ธ.ค. 55

กุ๊บกิ๊บกดซูมภาพเข้าไป ทุกคนเพ่งมองแล้วก็ตกใจ
“คุณ” แสงกล้าโพล่งขึ้น
ในจอมอนิเตอร์ แพรไพลินเดินเข้าไปในห้องหลักฐานแล้วหยิบเอาปลอกกระสุนจริงใส่กระเป๋า เอาปลอกกระสุนปลอมทิ้งไว้ แสงกล้าหันไปมองแพรไพลิน
“ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องเก็บหลักฐาน”
“แล้วใครล่ะคะ รึว่าดอกเตอร์มีฝาแฝด” กุ๊บกิ๊บว่า

แพรไพลินหันไปมองแสงกล้าคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เธอนึกถึงตอนที่ขมังเวทย์ปลอมตัวเป็นแสงกล้าเข้าไปหาแพรไพลินที่ทาวน์โฮม ฝ่ายแสงกล้ามองแพรไพลิน แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาเช่นกัน ขมังเวทย์ปลอมตัวเป็นแพรไพลินในการต่อสู้กับแสงกล้า



แสงกล้าและแพรไพลินมองหน้ากันรู้ดีว่าเป็นฝีมือของขมังเวทย์ แล้วพูดขึ้นพร้อมกัน
“ไสยดำ!”

แพรไพลินกำลังเดินนำออกไปยังมุมหนึ่งของเนติเทค แสงกล้ากับกุ๊บกิ๊บเดินตาม
"คุณจะไปไหน"
“ไปยืนยันกับนักข่าวว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญได้หลักฐานปลอม”
“ทำแบบนั้นก็เท่ากับฆ่าตัวตาย คุณจะยิ่งตกที่นั่งลำบาก เพราะในวิดีโอวงจรปิด คุณเป็นคนเปลี่ยนหลักฐาน”
“ฉันพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ฉัน”
“ด้วยวิธีไหนล่ะ”
แพรไพลินชะงักไปนิดหนึ่ง เผชิญหน้ากับแสงกล้าที่กำลังมองด้วยสายตาค้นหา
“เราบุ่มบ่ามไม่ได้...ต้องคิดและวางแผนให้รอบคอบ”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์เดินเข้ามาหาทุกคนพร้อมกับวินและเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ
"ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก ถึงเวลาพักของพวกคุณแล้ว"
รวิพยักหน้าไปยังวินที่เดินตามมา วินตรงเข้าไปปลดอาวุธของแสงกล้า ดึงเอาป้ายคล้องคอของทั้งแสงกล้าและแพรไพลินออก
ทั้งคู่ชะงัก แสงกล้าถลาเข้าไปจะเล่นงานวินที่ยึดอาวุธไป แต่แพรไพลินยกมือห้ามกั้นตัวแสงกล้าไว้ก่อน
“ถ้าอยากให้เรื่องมันเลวร้ายกว่านี้ ก็เอาสิแสงกล้า” วินบอก
แสงกล้าจำต้องชะงัก รวิจ้องทั้งสองคน
“คุณทั้งสองคนทำงานบกพร่องอย่างรุนแรง ฉันขอสั่งพักงานจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดทางวินัย”
รวิหันมาสั่งกุ๊บกิ๊บ
“ถ้าฉันพบดอกเตอร์แพรไพลินกับหมวดแสงกล้าเข้ามาในเนติเทคอีกถือว่าเธอบกพร่องในหน้าที่”
รวิเดินออกไป กุ๊บกิ๊บอึดอัดใจที่รับคำสั่งควบคุมไม่ให้แพรไพลินและแสงกล้าเข้ามาในเนติเทค
แพรไพลินและแสงกล้าผิดหวังที่ถูกสั่งพักงาน หมดหนทางจับตัวจักร

แสงกล้าและแพรไพลินเดินออกมาที่ลานจอดรถ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจที่ทำอะไรไม่ได้
ทางด้านบนระเบียงอาคาร รวิยืนมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าและแววตาสับสนกับการกระทำของตัวเองที่กำลังจะทำให้แพรไพลินตาย
แพรไพลินหยุด เงยหน้าขึ้นมองรวิที่กำลังมองลงมา สายตาทั้งคู่จ้องกันอย่างจับผิด
รวิพูดโทรศัพท์ผ่านหูฟังบลูทูธที่ใส่อยู่
“ดูภาพวงจรปิดอยู่ใช่มั้ยคะ”

ภายในห้องทำงานของจักร อมตฤทธา ที่โน้ตบุ๊กของจักร ปรากฏภาพวงจรปิดภายในอาคารจอดรถ เห็นแพรไพลินกับแสงกล้ากำลังเดินตรงไปยังรถของแพรไพลินที่ถูกวางระเบิด
“น้ำเสียงรู้สึกผิด อย่าบอกนะว่าอาลัยอาวรณ์น้องสาวนอกไส้”
จักรพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือมาถือไว้ เหมือนกำลังเตรียมจุดระเบิด
ใบหน้าของรวิ แววตาไม่ค่อยมั่นใจนัก จ้องไปที่แพรไพลินที่กำลังจะเดินเข้าไปสู่ความตาย
"แล้วท่านล่ะคะ รู้สึกดีนักเหรอที่จะต้องระเบิดคู่หมั้นของตัวเอง"
สายตารวิ เห็นแพรไพลินเดินตรงไปที่รถกับแสงกล้า
จักรจ้องไปที่ภาพวงจรปิดบนเครื่องโน้ตบุ๊กของตัวเอง
“มันเป็นวิถี ถ้าแพรไพลินไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับผม เธอก็ไม่ต้องโดนแบบนี้”
จักรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดหมายเลขโทรศัพท์เตรียมจะเปิดระบบระเบิดในรถแพรไพลิน

แพรไพลินกับแสงกล้าเดินมาถึงที่รถคันที่มีมัดไดนาไมค์ที่ยังคงซ่อนอยู่ในคอนโซลรถ
“ผมขับรถไปส่งเอง”
"ขอบคุณค่ะ"
แสงกล้า ฝืนยิ้มเพื่อรักษาบรรยากาศ
“อยากทานอะไร เดี๋ยวทำให้กิน”
แพรไพลินฝืนยิ้มเช่นกัน
"ไม่อยากท้องเดินค่ะ"
แพรไพลินส่งกุญแจให้เขา ทั้งสองคนเปิดประตูขึ้นรถ แสงกล้าสตาร์ทเครื่องยนต์ กำลังจะขับรถออกมา
จักรกด Send ที่โทรศัพท์มือถือตัวเอง ส่งสัญญาณออกไป
ภายในรถแพรไพลินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แพรไพลินหยิบไอโฟนตัวเองขึ้นมา เห็นว่าเป็น Video Call เธอรับสาย
โทรศัพท์ที่ติดไดนาไมท์อยู่ แต่หน้าปัดโทรศัพท์นิ่ง ๆ ไม่มีเสียงเรียกเข้า
จอไอโฟนปรากฏเป็นภาพเงาซีลูเอท ไม่เห็นหน้าคนโทรมา และเสียงถูกบิดจนจำไม่ได้
“หยุดรถ!”
“คุณเป็นใคร” แพรไพลินถาม
“ฉันบอกให้หยุดรถ ถ้ารถคันนี้แล่นออกจากพื้นที่ลานจอด รถจะต้องระเบิดทั้งคันแน่!”
“หมายความว่ายังไง” แสงกล้าถาม
“คำตอบอยู่ที่ใต้คอนโซล”

ที่ห้องทำงาน จักรกำลังพยายามกดโทรศัพท์ย้ำ ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้ระเบิดทำงาน แต่ระเบิดยังไม่ทำงาน จักรกดมือถือถี่ยิบด้วยความไม่พอใจ พลางหันมามองหน้าจอมอนิเตอร์ด้วยแววตาไม่พอใจมาก

รถแพรไพลินหยุดกึ่กที่กลางลานจอดรถ รายล้อมไปด้วยเสาสี่ต้นที่นภาติดเครื่องส่งสัญญาณรบกวนโทรศัพท์มือถือของจักร
กล่องสัญญาณ ปรากฏไฟกระพริบถี่ ๆ เหมือนกำลังทำงานอยู่

ภายในรถแพรไพลิน แสงกล้าดึงไดนาไมค์ติดโทรศัพท์มือถือออกมา แพรไพลินเห็นระเบิดแล้วตกใจ
“ระเบิด ระบบจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ !”
โทรศัพท์ไอโฟนของแพรไพลินวูบดับลง แพรไพลินหันไปมองรวิที่ยังจ้องอยู่ที่ริมระเบียง

จักรโกรธมากที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือไม่ทำงาน จึงขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้นอย่างบันดาลโทสะ
“มันเป็นใคร ! ใครช่วยไอ้แสงกล้ากับนังแพรไพลิน”
ฉับพลัน หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้านหน้าจักร ที่เป็นภาพวงจรปิดแสดงภาพลานจอดรถ ภาพล้มซ่าหายไป ! จักรหันมามองด้วยความแปลกใจ แล้วจู่ ๆ หน้าจอก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับตัวหนังสือ… พิมพ์ขึ้นมาทีละตัว “ความดีไม่มีวันตาย...”

แสงกล้าเดินตามแพรไพลินมาตามทางเดินที่ทอดยาวในเนติเทคฯ ในมือแพรไพลินถือไดนาไมค์ติดมือถือมาด้วย ตอนนี้สายไฟถูกกระชากขาดไปหมดเพื่อไม่ให้ระเบิดทำงาน
"คุณจะไปไหน" แสงกล้าถาม
"ฉันจะไปพูดกับเค้าให้รู้เรื่อง"
"ใคร"
แพรไพลินไม่ตอบ เดินนำแสงกล้าไป

ภายในห้องประชุมเนติเทคฯ ระเบิดไดนาไมค์ถูกแพรไพลินขว้างลงบนโต๊ะหน้า พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นแพรไพลินจ้องเธอเขม็ง
“ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือคุณ !”
รวิจ้องแบบไม่เกรง
"หลักฐาน"
“ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐาน แค่สามัญสำนึกฉันก็รู้แล้วว่าใครทำ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องรับรู้สามัญสำนึกของใคร เธอไม่มีหน้าที่ที่นี่แล้ว... ออกไป”
“พี่รวิ ฉันเข้าใจว่าพี่โกรธเกลียดฉันกับครอบครัวมากแค่ไหน แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า พี่จะอาฆาตพยาบาทถึงขนาดจะฆ่าฉัน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวได้"
“จะแปลกอะไร ถ้าฉันไม่เคยนับเธอว่าเป็นน้อง”

“ถ้าต้องการจะประกาศสงครามอย่างนั้นก็ได้ ต่อไปนี้ฉันจะถือว่าเราเป็นแค่เพื่อนร่วมโลก นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ฉันจะทำให้คุณรู้ว่า ถ้าฉันร้าย ฉันร้ายมากกว่าที่คุณคิดหลายร้อยเท่า”
แพรไพลินเดินออกไปเลยด้วยความโกรธ รวิมองตามออกไปสายตาเกือบสลด แต่พอเห็นแสงกล้าจ้องหน้ารวิ เธอก็เปลี่ยนไปเป็นร้ายกาจอย่างเดิม
"มีอะไร"
“ก็แค่อยากจะบอก ผ.บ.รวิ คุณไม่ใช่คนเลวอย่างที่ผมคิด คุณมันชั่วเกินกว่าจะเรียกว่าคน แพรไพลินเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ คุณยังคิดฆ่าเธอได้ ผมจะรอดูวันที่คุณแผ่นดินกลบหน้า ไม่เหลือใครสักคนบนโลก”
แสงกล้าชี้หน้ารวิแล้วเดินออกไป รวิพิงพนักเก้าอี้ สีหน้าเครียดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นพลางถอนหายใจยาว

คืนวันเดียวกัน บริเวณวิวทิวทัศน์สวยงามยามค่ำ แพรไพลินยืนน้ำตาคลอสะเทือนใจมองตรงไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าเสียใจกับเรื่องราวทั้งหมด แสงกล้ายืนอยู่ด้านข้างๆมองเธอด้วยความสงสาร
“ผมเข้าใจว่าคุณสะเทือนใจที่คนในครอบครัวคิดฆ่ากันได้ แต่พูดอะไรบ้างสิ คุณยืนนิ่ง ๆ แบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
แพรไพลินน้ำไหลอาบแก้ม เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกำลังอดกลั้นเต็มที่
“กลับไปซะเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
แสงกล้ายังยืนนิ่งไม่ออกไป มองแพรไพลินอยู่อย่างนั้น
"ฉันบอกให้กลับไป"
“ไม่”
แพรไพลินหันมามองใบหน้าจริงจังของเขา
“ในสถานการณ์แบบนี้ เพื่อนไม่มีวันทิ้งเพื่อน”
"เพื่อน"
แสงกล้าอมยิ้ม
"หรือคุณจะให้ผมเลื่อนฐานะเป็นอย่างอื่นล่ะ"
แพรไพลินชะงักคลายเครียดไปได้บ้าง เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ มองตรงไปยังวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า
“ปัญหาทุกอย่างมีทางออก เพียงแต่ตอนนี้เรายังหาไม่เจอ มันก็แค่นั้น"
แสงกล้าเอื้อมมือไปจับมือแพรไพลินไว้เพื่อให้กำลังใจ แพรไพลินกำมือเขาไว้ พลางมองตาด้วยสายตาขอบคุณ
ทั้งสองคนจับมือให้กำลังใจกัน ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืน

วันใหม่ ภายในสำนักงานสืบสวนพิเศษ เอกสารคำสั่งย้ายถูกวางบนโต๊ะ ดาบแหบกับจ่าหวานยืนดูแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาไม่พอใจ
“หมายความว่าไง ย้ายไปอยู่ฝ่ายธุรการ” ดาบแหบถาม
“ให้ไปทำงานเสมียน จัดคิวเข้าเวรของพนักงานเนี่ยนะ” จ่าหวานว่า
“ได้ไง..เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเราทำงานสืบสวนมาทั้งชีวิต” ดาบแหบบอก
"ผู้บังคับบัญชาเห็นว่า ถ้าแกสองคนยังทำงานเดิมต่อไป จะเป็นผลเสียต่อสำนักงานสืบฯ"
“กลัวเราเป็นหอกข้างแคร่น่ะสิ!” จ่าหวานบอก
วินชี้หน้าจ่าหวานทันทีด้วยความไม่พอใจ
วินเลื่อนใบคำสั่งไปตรงหน้าทั้งสองคน
“เป็นคำสั่งผู้บังคับบัญชา พวกแกมีหน้าที่ต้องทำตาม เซ็นรับทราบคำสั่งแล้วปฏิบัติตาม”
จ่าหวานกับดาบแหบหันมามองหน้ากัน แล้วมองหน้าวินด้วยสีหน้าและสายตาไม่พอใจ
“หรืออยากจะโดนพักราชการ...เลือกเอา”
จ่าหวานกับดาบแหบจำต้องเซ็นรับทราบในคำสั่งอย่างเสียไม่ได้

ในเวลาต่อมา จ่าหวานกับดาบแหบนั่งห้อยขา ตาละห้อยมองแม่น้ำที่ไหลผ่านเบื้องหน้า
"พิมพ์ดีดไม่เป็นสักตัว จะให้ข้าเป็นเสมียนได้ไง" จ่าหวานบอก
“ความยุติธรรมหายไปไหนหมด คนทำดีไม่ได้ดี หมอแพรโดนย้ายคนชั่วลอยนวล !” ดาบแหบว่า
ทางด้านหลังของจ่าหวานกับดาบแหบ มีร่างใหญ่ร่างหนึ่งก้าวเข้ามายืนค้ำทั้งสองคนอยู่
“ปัญหาทุกอย่าง ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูดหรอกนะ”
จ่าหวานกับดาบแหบได้ยินเสียงคุ้น ๆ เงยหน้าขึ้นมองแล้วชะงักด้วยความแปลกใจ
ดาบแหบกับจ่าหวานเรียกขึ้นพร้อมกัน
"ผู้การอินทนนท์"
“อย่าดูถูกงาน แค่งานธุรการก็ทำประโยชน์ สร้างความดีให้สังคมได้”
ผู้การอินทนนนท์มาดเท่ พูดด้วยประโยคชวนให้คิดว่า จะให้จ่าหวานกับดาบแหบทำอะไร

พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์นั่งอยู่ในห้องทำงาน คิดเรื่องราวในอดีตระหว่างตัวเองกับวิญญู เธอหันไปมองภาพถ่ายตัวเองในชุดผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษ เธอเดินไปหยิบรูปนั้นมาดู ภาพในความทรงจำย้อนเข้ามาในความคิด

ในอดีต รวิในชุดผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษ กำลังคุยกับวิญญู สายตามองวิญญูอย่างเทิดทูน
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำให้ฉันก้าวขึ้นมาถึงวันนี้”
"คนมีความสามารถอย่างเธอ คู่ควรกับตำแหน่งนี้อยู่แล้ว"
“ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย มีอะไรที่ฉันจะทดแทนท่านได้บ้างมั้ย”
วิญญูเอามือกระชากรวิเข้ามาสวมกอดเต็มแรง เอานิ้วไล้ที่แก้ม
"แล้วเธอจะรู้เองว่าควรจะทำอะไร ฮึ ๆ ๆ"
"ฉันยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน"
“ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่เป็นตลอดไป”
วิญญูดึงรวิเข้ามากอดแล้วจูบอย่างหนักหน่วง มือของวิญญูที่ประคองอยู่ที่ท้ายทอยของรวิ ปรากฏเห็นลูกกลมขาวเกลี้ยงส่องประกายวาบๆ วิญญูกำลังฝังลูกสะกดเข้าในศีรษะของรวิโดยเธอไม่รู้ตัว
“ต่อไปนี้ เธอกับฉันจะผูกพันกันไปตลอดชีวิต”
ใบหน้าของรวิเต็มไปด้วยความรักในตัววิญญู โดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกทำให้เป็นทาสตลอดไป

กลางวัน วันเดียวกัน ภายในห้องแล็ป ในทาวน์โฮม แสงกล้าและแพรไพลินนั่งเครียดที่ถูกสั่งพักงาน พยายามหาทางออกให้กับตัวเอง
“เราต้องหาทางเล่นงานพวกนั้นบ้าง ไม่อย่างนั้นมันก็จะลอยนวลอยู่อย่างนี้” แสงกล้าบอก
จ่าสมิงเดินเข้ามาพร้อมถือถุงอาหารมากมาย พร้อมกับดาบแหบและจ่าหวาน
“ได้เวลาฉลองกันแล้วครับพี่น้อง”
แสงกล้าหันมามองสมิงด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ
“ไม่ใช่เวลามาเล่นตลก ไม่เห็นรึไงว่ากำลังเครียด”
สมิงเข้าไปแหย่
“เครียดเรอะ ! นำเสนอนี่เลยครับ... น้ำใบบัวบกคั้นสดแก้ช้ำใจ แต่ถ้าช้ำหัวใจต้องให้ใครสักคนช่วย” สมิงพูดพลางชายตาไปทางแพรไพลิน
“ไม่ขำ”
ดาบแหบหน้าจ๋อยบอก
"อุ้ย... เครียดจริง"
"อยู่ต่อดีมั้ยเนี่ย" จ่าหวาน ว่า
“ได้พักแบบไม่มีกำหนดยังไม่ดีใจกันอีก จะได้ไปเที่ยวให้หนำใจ ไม่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง" สมิงบอก
“ฉันไม่อยากทิ้งคดีนี้ อยากจับตัวคนร้ายให้ได้ ขืนปล่อยให้มันปลอมตัวเป็นใครก็ได้ ทุกอย่างมีแต่แย่ลง" แพรไพลินว่า
“จริงสิ”

สมิงควักปืนออกมาเล็งที่แสงกล้าและแพรไพลินแล้วบอก
“หนึ่งในนี้อาจจะเป็นไสยดำแปลงตัวมาก็ได้"
สมิงเดินไปหาแพรไพลินแล้วบอก
"คนนี้ตัวจริง เห็นแล้วชื่นใจ"
สมิงเล็งปืนไปที่แสงกล้าแล้วบอก
“แกเป็นไสยดำ!”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แสงกล้าตัวจริง...เค้าแขวนพระ”
แพรไพลินหันไปมองที่สร้อยพระของแสงกล้า
สมิงสนใจจริง ๆถาม
“พระ... รุ่นไหน”
สมิงจะเข้าไปดูพระที่สร้อยของแสงกล้า แต่แสงกล้านึกขึ้นได้ถาม
“จ่าเก่งเรื่องคาถาอาคม ทำไมถึงไม่รู้ว่าไอ้พญามารเป็นใคร”
"ก็มันใส่หน้ากาก หนำซ้ำยังแปลงหน้าไปๆ มาๆ ได้ยังกะจิ้งจก ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นใคร" สมิงบอก
"ถ้าเรากระชากหน้ากากมันออกมาได้ อาจจะเล่นงาน..เอาผิดมันง่ายขึ้น" แพรไพลินว่า
"แต่มันเปลี่ยนหน้าตัวเองได้นะ" แสงกล้าว่า
“การแปลงหน้าของมันเป็นมหาคุณไสยขั้นพญามาร เกิดจากอำนาจของสังข์ไชยมงคล”
สมิงพูดแล้วคิดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อไป
“แต่ถึงยังไงมันก็ยังเป็นคน เป็นคนยังไงก็ต้องมีพลาด”
สมิงนิ่งคิด แล้วคิดได้พูดต่อแบบนิ่ง ๆ
“น้ำมันสักพราย”
“หมายถึงอะไรคะ”
“ตามตำราไสยเวทย์...น้ำมันสักพรายเป็นมหาคุณไสยสายขาวใช้แก้การแปลงกายปลอมร่าง!”
“คราวนี้ถ้าเรากระชากหน้ากากมันออกมา เราจะรู้ว่าใบหน้าที่แท้จริงของมันเป็นใคร"
“แต่คาถานี้ต้องสักที่กลางหน้าผากเท่านั้น หมวดคิดว่ามันจะยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งให้ผมสักเหรอครับ"
“แสดงว่าถ้าทำให้มันหยุดนิ่งได้ สมิงก็สักคาถาได้”
“จิ๊บ ๆ”
แสงกล้าหันไปหาแพรไพลินที่ทำหน้าแปลกใจ
"คุณต้องช่วยพวกเรา งานนี้ต้องรวมพลังระหว่างวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์”
“คุณจะทำให้มันปรากฏตัวออกมาได้ยังไง” แพรไพลินถาม
“เทวาศาสตราวุธ มันต้องการเทวาศาสตราวุธที่เหลืออีกสองชิ้น!”
แสงกล้ามีสีหน้าเชื่อมั่น คล้ายมีแผนการอะไรอยู่ในใจ

วันใหม่ … ภายในห้องส่งสถานีโทรทัศน์ ขึ้นภาพอินเตอร์ลูด ตัวหนังสือไตเติ้ลขึ้นสวยงามรายการสนทนาบันเทิง “ศิลปสนทนา” น้ำใส ภูมิภักดิ์กำลังดำเนินรายการนั่งคู่กับเจนภพ เทวสถิตย์
“สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้รายการศิลปสนทนาจะร่วมพูดคุยกับ คุณเจนภพ เทวสถิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปร่วมสมัยแห่งเอเชีย มูลนิธิไททัศน์ ค่ะ”
"สวัสดีครับท่านผู้ชม"

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 24 ธ.ค. 55

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2 ผลิตโดย : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manage