@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 2 ธ.ค. 55

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 2 ธ.ค. 55

เจติยาสัมผัสความรู้สึกได้ก็น้ำตาคลอขึ้นมา “ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลย แม่คุณเสียทั้งคนนะคะ ไม่มีน้ำตาซักหยดก็ใจยักษ์ใจมารไปหน่อยแล้วล่ะค่ะ”
ลาภิณก้มหน้านิ่งเงียบ
เจติยารู้ว่าลาภิณแอบร้องไห้อยู่จึงตัดสินใจจะเดินเลี่ยงออกไป “ฉันออกไปข้างนอกก่อนดีกว่านะคะ”
เจติยาจะเดินออกไป แต่ลาภิณคว้ามือเจติยาแล้วจับไว้แน่น เจติยาหันกลับมา ลาภิณค่อยๆ เงยหน้าให้เจติยาเห็น น้ำตาของลาภิณค่อยๆไหลซึมออกมา

ลาภิณเงยหน้าสบตาเจติยาด้วยน้ำตาซึมและสายตาอ้อนวอน “กอดฉันไว้ได้มั้ย”
เจติยาใจอ่อนยวบด้วยความสงสารจับใจ น้ำตาของเธอเอ่อตามขึ้นมาก่อนจะตรงเข้าไปสวมกอดลาภิณเอาไว้

ลาภิณกอดเจติยาไว้แน่นแล้วพูดเสียงสั่นเครือ “อย่าทิ้งฉันไปเลยนะ ฉันไม่เหลือใครแล้วจริงๆ”
เจติยาไม่ตอบอะไรได้แต่ร้องไห้ออกมาแล้วสวมกอดลาภิณเอาไว้แน่น
ลาภิณกอดกระชับเจติยาอย่างหวงแหน น้ำตาของเขาไหลต่อเนื่องด้วยความรู้สึกอ้างว้างเหมือนเหลือตัวคนเดียวในโลก



กระดาษเอกสารกำลังถูกไฟเผาในถังปูนจนลุกไหม้เป็นจุล พิสัยมองดูอยู่ด้วยสีหน้าสาแก่ใจ ปราณเดินเข้ามาทางด้านหลัง
ปราณยิ้ม “ต่อไปก็ไม่มีหลักฐานให้ใครมาจับแกเข้าคุกได้อีกแล้ว”
พิสัยเหลือบตามองปราณ
“สบายใจได้แล้ว” ปราณบอก
พิสัยหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ “แต่ฉันต้องแลกมันด้วยการฆ่าพี่สาวตัวเองกับมือ”
“ช่วยไม่ได้ ฉันเตือนแกแล้วไงว่ามีเวลาแค่สิบนาที แกอยากช้าเอง มันก็เลยต้องเป็นอย่างงี้ แต่แกอย่าคิดมากไปเลย ถ้าแกไม่ทำ ชูจิตก็ต้องเอาแกเข้าคุกแน่ๆ ยังไงเค้าก็ไม่มีวันเห็นแกดีไปกว่าลูกในไส้เค้าหรอก”
พิสัยขบกรามแน่น ตาของเขาแดงกล่ำด้วยความเสียใจ “ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ต้น ถ้ามันไม่เกิดมา นิราลัยก็ต้องเป็นของฉัน แล้วฉันก็ไม่ต้องถลำลึกจนต้องฆ่าพี่จิตตายกับมือ” พิสัยมีน้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมา ปราณยื่นมือมาตบบ่าพิสัย “เรื่องมันผ่านไปแล้ว คิดถึงความรุ่งโรจน์ของแก หลังจากได้เป็นเจ้าของกล่องรากบุญจะดีกว่า”
พิสัยเหลือบตามองปราณอีกครั้ง
“แต่แกก็ต้องทำให้เจติยาสละความเป็นเจ้าของกล่องให้ได้อย่างที่แกโม้ไว้ซะก่อน”
“ฉันทำได้แน่ แกคอยดูไปก็แล้วกัน” พิสัยยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความมั่นใจ
ปราณจับตามองพิสัยแล้วสะแหยะยิ้มร้ายกับเจ้าของกล่องคนใหม่ที่เลวถูกใจเขามากที่สุด

ปริมกำลังอ่านข่าวออนไลน์จากไอแพดอยู่ โดยมีพิสัยนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ
ปริมอ่านข่าวชูจิตแล้วยิ้มสะใจ “เสียดาย น่าจะตายเร็วกว่านี้ ไม่งั้นฉันก็ไม่ต้องมีปัญหากับคุณต้นหรอก” ปริมวางไอแพดลง
พิสัยเคือง “พูดอย่างงี้จะดีเหรอ”
ปริมเบะปากไม่พอใจ “ที่คุณต้นไม่พอใจฉัน จริงๆ ก็เพราะพี่สาวคุณนั่นแหละเป็นตัวการ”
พิสัยถอนใจ “คนตายไปแล้วน่า อโหสิให้พี่จิตเค้าเถอะ”
ปริมรำคาญ “มีอะไรก็รีบพูดมา ฉันไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะ”
“ฉันมีเรื่องอยากรบกวนเธอหน่อย พ่อเธอรู้จักนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เยอะไม่ใช่เหรอ”
ปริมระแวง “อย่าดึงพ่อฉันมาเกี่ยวด้วยเลย”
พิสัยเสียงแข็ง “ฟังก่อนได้มั้ย ฉันแค่อยากจะชี้เบาะแสเรื่องยาเสพย์ติดให้ก็เท่านั้นเอง”
“อย่างนายเนี่ยนะอยากจะทำความดี” ปริมยิ้มดูถูก “น่าจะค้ายาซะเองมากกว่า”
พิสัยหงุดหงิด “เลิกกวนประสาทได้แล้วน่ะ ถ้าเธอช่วยฉัน ก็เท่ากับเธอได้เล่นงานเจติยาไปด้วย ไม่ช่วยก็ตามใจ”
ปริมสนใจขึ้นมาทันที “คุณมีแผนการอะไร”
พิสัยยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะแค่บอกจะเล่นงานเจติยาเท่านั้นปริมก็กินเหยื่อทันที

นทีขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดรอที่หน้าบริษัทหนึ่ง สักพักลูกน้องของพิสัยก็เดินเข้ามาหา
ลูกน้องเปิดหมวกกันน็อคแล้วคุย “แกส่งงานครบแล้วเหรอ”
“ครับพี่” นทีตอบ
“ออฟฟิศโทรให้พี่ไปรับงานด่วนเลย แกช่วยเอาของไปส่งต่อแทนพี่ทีสิ ไปตามที่อยู่ในแผนที่นี่แหละ ไม่หลงหรอก” ลูกน้องพิสัยยื่นกล่องกระดาษ กับเศษกระดาษเขียนที่อยู่แผนที่ให้
นทีรับกล่องกับเศษกระดาษมาดู “ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมจัดการให้”
ลูกน้องพิสัยตบบ่านที “ขอบใจโว้ย ค่ำๆ พี่เลี้ยงข้าว”
นทียิ้ม “ขอบคุณครับ”
นทีเอากล่องมาผูกเพื่อกันตกอย่างระวัง ลูกน้องพิสัยเหล่มองนทีแล้วก็สะแหยะยิ้มออกมา

นทีขี่มอเตอร์ไซค์มาเจอด่านตรวจของตำรวจ ตำรวจโบกให้นทีจอด
“ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ”
นทีหยิบใบขับขี่ยื่นให้ตำรวจ “นี่ครับ”
ตำรวจอีกคนเดินตรวจรถมอเตอร์ไซค์ของนทีไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าส่งซิกให้ตำรวจคนแรก
ตำรวจคนแรกหันไปพูดกับนทีพร้อมทั้งคืนใบขับขี่ให้ “ขอค้นหน่อยนะน้อง”
“ได้ครับ”
นทีลงจากมอเตอร์ไซค์พร้อมถอดหมวกกันน็อคแล้วปล่อยให้ตำรวจทั้งสองตรวจค้นตัวและค้นรถ
“นี่กล่องอะไร” ตำรวจถาม
“ไม่ทราบครับ ผมไปส่งของให้ลูกค้าแทนพี่ที่ทำงานครับ” นทีบอก
ตำรวจนายนั้นบอกตำรวจอีกนาย “เปิดดูซิ”
ตำรวจหยิบกล่องขึ้นมา พอเปิดกล่องออกก็เป็นหนังสือตำราปกแข็งหนาๆ นทีมองดูก็ยิ้มสบายใจแล้วก็จะสวมหมวกกันน็อค ตำรวจอีกนายเปิดหนังสือออกดูก็ตกใจเมื่อพบว่าหนังสือเล่มหนาถูกเจาะเป็นช่องตรงกลางและใส่ซองยาบ้าซ่อนเอาไว้ ตำรวจรีบล็อคตัวนทีไว้ทันที นทีตกใจมากจนช็อคและงงไปหมด

พิสัยกำลังดูรูปสเก็ตหน้าลูกน้องขงตัวเองอยู่ต่อหน้าตำรวจ โดยมีนทีนั่งอยู่ใกล้ๆ
พิสัยส่ายหน้า “ไม่มีครับ พนักงานในบริษัทผมไม่มีใครหน้าตาแบบนี้เลย”
นทีตกใจมาก “ดูดีๆสิครับคุณพิสัย จะไม่มีได้ยังไง วันนี้ทั้งวันผมทำงานอยู่กับพี่เค้านะครับ”
พิสัยตีหน้าตาย “ก็มันไม่ใช่พนักงานของฉัน จะให้ฉันรับว่าใช่ได้ยังไงล่ะ คุณตำรวจจะไปตรวจดูประวัติพนักงานของบริษัทก็ได้นะครับ บริษัทผมไม่มีพนักงานหน้าตาแบบนี้”
นทีโวยลั่น “ต้องมีสิครับ เค้าเป็นคนให้ผมเอากล่องใบนี้ไปส่งแทน ผมไม่รู้จริงๆนะครับว่าข้างในมีอะไร คุณพิสัยต้องเชื่อผมนะครับ”

พิสัยแกล้งถอนใจแล้วปั้นหน้าเครียด “โดนจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้แล้ว ยอมรับซะเถอะนที”
นทีอึ้งไป
“ฉันผิดหวังกับนายจริงๆ ให้โอกาสคนผิดแท้ๆ” พิสัยส่ายหน้า
นทีสติแตกจึงโวยลั่น “ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะครับคุณพิสัย เชื่อผมบ้างสิ ผมไม่ได้ทำ ผมถูกใส่ร้าย”
ตำรวจหันไปสั่งลูกน้อง “พาออกไปสงบสติอารมณ์ก่อนไป”
ตำรวจอีกคนรีบล็อกตัวนทีแล้วพาออกไปจากห้องในขณะที่นทีร้องโวยวาย
นทีร้องโวยวายขณะถูกลากออกไป “ผมไม่ได้ทำ ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่รู้เรื่อง”
พิสัยชำเลืองมองตามไปด้วยสีหน้าแววตาสะใจ

มยุรีกอดประตูห้องขังแล้วร้องไห้ที่ลูกชายโดนขัง เธอจับมือนทีเอาไว้แน่น ส่วนเจติยายืนหน้าเครียดมองดูอยู่ใกล้ๆ
นทีพูดกับแม่ทั้งน้ำตา เขาจับมือแม่แน่น “แม่ต้องเชื่อผมนะครับ ผมไม่ได้ทำจริงๆ ผมถูกพวกมันใส่ร้าย”
มยุรีร้องไห้ก่อนจะพยักหน้ารับ “แม่เชื่อลูกอยู่แล้ว แม่เลี้ยงเรามา ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกแม่เป็นคนยังไง มีเรื่องชกต่อยแม่อาจจะเชื่อ แต่ค้ายาเสพย์ติด ไม่มีทางเป็นไปได้” มยุรีร้องไห้ออกมา
นทีก็น้ำตาไหล “ขอบคุณครับแม่”
มยุรีกอดนทีผ่านซี่ลูกกรงห้องขัง
ทันใดนั้นนวัชและนิษฐาก็เดินหน้าเครียดเข้ามาหา
เจติยาร้อนใจ “ได้เรื่องยังไงบ้างคะพี่หมวด”
นวัชหน้าเครียด “ตำรวจเค้าไม่ได้จับนทีได้โดยบังเอิญหรอกนะ แต่มีคนแจ้งเบาะแสไป ทั้งรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ แล้วก็รูปร่างหน้าตา ตรงกับนทีหมด ตำรวจเค้าก็เลยเข้าจับกุม”
นทีโวยลั่น “ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ นะพี่หมวด ผมถูกใส่ร้ายๆ พี่ต้องช่วยผมนะครับ”
นิษฐาปลอบใจ “ใจเย็นๆ นะนที พี่ปรึกษากับทนายของมูลนิธิแล้วเค้ากำลังหาทางช่วยนทีอยู่ นทีไม่ต้องกลัวนะ”
นทีโวยลั่นด้วยความเจ็บใจ “ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมถูกพวกมันหลอกใช้”
เจติยาปราม “เลิกโวยวายได้แล้วนที พวกเราทุกคนเชื่อว่าเราไม่ได้ทำ แต่มันก็ต้องมีพยานหลักฐานอะไรไปหักล้าง โวยวายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก”
นทีจ๋อยไป ทันใดนั้นนทีก็เหลือบไปเห็นพิสัยเดินออกมาจากข้างในโรงพัก
นทีลุกขึ้นมาเขย่ากรงแล้วชี้หน้า “แกใส่ความฉันทำไม”
ทุกคนหันไปก็เห็นพิสัยหยุดมองมาด้วยสีหน้าท่าทางกวนๆ
“อ้าว พูดจากับผู้มีพระคุณยังงี้ได้ยังไงล่ะนที” พิสัยพูด
นทีโมโหมาก “แกหลอกใช้ฉันส่งยา”
“อ้าวไอ้น้อง หาคุกให้ฉันซะแล้ว ชาวนากับงูเห่าแท้ๆ” พิสัยส่ายหน้า “ฉันพยายามจะไม่ถือสาแกก็แล้วกัน แค่คดียาเสพย์ติดก็หมดอนาคตแล้ว อย่าต้องพ่วงคดีหมิ่นประมาทเพิ่มเข้าไปอีกเลย” พิสัยยิ้มเยาะก่อนจะเดินจากไป
นวัชจับตามองพิสัยอย่างจับสังเกต เจติยายิ่งสงสัยหนักเลยเดินตามพิสัยไปทันที
นิษฐาเป็นห่วงเพื่อน “เจ รอด้วย”
นิษฐารีบเดินตามเจติยาไปทันที

พิสัยกำลังจะเปิดประตูรถที่จอดอยู่หน้าโรงพัก เจติยาเดินเข้ามาหาพิสัย โดยมีนิษฐาเดินตามมาติดๆ
เจติยาโกรธจัด “คุณต้องการอะไรกันแน่”
พิสัยปั้นยิ้มแล้วตีหน้าตาย “ทำไมถามฉันแบบนี้ล่ะ”
เจติยาตวาดใส่หน้า “เลิกเล่นละครได้แล้ว คุณก็รู้อยู่แก่ใจ คุณจัดฉากใส่ความนทีทำไม”
นิษฐาจับแขนเจติยาเอาไว้
พิสัยยิ้มกวน “แล้วเธอคิดว่าฉันทำไปทำไมล่ะ”
เจติยาจะพุ่งเข้าไปด้วยความโกรธจัด “ฝีมือคุณจริงๆด้วย”
นิษฐาจับตัวเพื่อนเอาไว้ “อย่าวู่วามสิเจ”
“คุณต้องการอะไร พูดมาตรงๆเลยดีกว่า” เจติยาถาม
พิสัยยิ้ม “อีกไม่นานก็คงมีคนบอกเธอเองแหละ ว่าต้องทำยังไงบ้าง”
เจติยามีสีหน้าสงสัย
พิสัยยื่นหน้ามาใกล้เจติยาแล้วจ้องตา “ถึงตอนนั้น ก็ขอให้เธอคิดให้รอบคอบก็แล้วกัน”
พิสัยสะแหยะยิ้มก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป
นิษฐาสงสัย “มันต้องการอะไรของมัน” นิษฐามีสีหน้าหงุดหงิด
เจติยาใช้ความคิดเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย

ภายในห้องจัดงานสวดศพของชูจิตซึ่งจัดห้องเหมือนงานศพของสารัชไม่มีผิดเพี้ยน แขกเหรื่อมามากมายแต่งชุดขาวมาร่วมงานกัน ลาภิณคอยต้อนรับแขกที่มางานด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ในขณะที่โอ้เอ้และพนักงานคนอื่นๆ คอยเสิร์ฟน้ำและบริการแขกเหรื่อในงาน สักพักทวีก็เดินเข้ามาหาลาภิณ
“เจโทรมาหาผม ฝากขอโทษคุณต้นด้วยที่วันนี้มาช่วยงานไม่ได้ นทีถูกตำรวจจับน่ะครับ” ทวีบอก
ลาภิณมีสีหน้าเป็นห่วง “อ้าว ไปก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“เจบอกว่านทีถูกใส่ร้ายน่ะครับ”
ลาภิณเคืองเพราะเป็นห่วง “ทำไมเค้าไม่โทรหาผมเอง”
“คงเกรงใจเห็นคุณต้นยุ่งเรื่องงานคุณท่านอยู่มั้งครับ”
ลาภิณถอนใจแล้วส่ายหน้า “เกรงใจอะไรไม่เข้าท่า” ลาภิณจะกดโทรศัพท์เพื่อโทรออก
ทันใดนั้นปริมในชุดขาวสะอาดตาก็เดินเข้ามาหาเขา
ปริมปั้นหน้าเศร้า “เสียใจด้วยนะคะคุณต้น”
ทวีล่าถอยแล้วเดินเข้าไปในห้องจัดงาน
ลาภิณปั้นยิ้มรับ “ขอบใจนะปริมอุตส่าห์มา”
“ยังไงปริมก็ต้องมาค่ะ” ปริมมองเข้าไปในงาน “จัดห้องเหมือนตอนงานคุณพ่อเลยนะคะ”
ลาภิณหน้าขรึมลง “ผมคิดว่าคุณแม่คงชอบ”
ปริมจับมือลาภิณ “อะไรที่เป็นการตัดสินใจของคุณท่านต้องชอบอยู่แล้วล่ะค่ะ”
ลาภิณดึงมือออกแล้วตัดบท “ปริมเข้าไปไหว้ศพคุณแม่ก่อนเถอะ”
ปริมแอบชักสีหน้าหมั่นไส้ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปด้านใน ลาภิณยกมือไหว้แขกผู้ใหญ่ที่เพิ่งมาถึงแล้วพาเดินเข้าไปด้านใน ทวีพาปริมไปไหว้ศพ โดยเขาช่วยจุดธูปให้ ปริมรับธูปมาพนมยกมือไหว้ศพชูจิตเพื่อขอขมาศพ ขณะกำลังจะปักธูปอยู่ดีๆ ก็มีมือซีดๆ มือหนึ่งมาจับข้อมือปริมไว้ไม่ยอมให้ปักธูป ปริมเงยหน้าขึ้นมอง ก็ตกใจแทบช็อคเมื่อเห็นผีชูจิตหน้าตาโกรธเกรี้ยวกำลังยืนคร่อมหัวจับมือของเธอไว้
ปริมตกใจสุดขีดจนกรีดร้องออกมาสุดเสียง แขกเหรื่อในงานตกใจ ทุกคนมองมาที่ปริมก็เห็นปริมยกมือถือธูปยื้อไปยื้อมาอยู่คนเดียว
ปริมหวาดกลัวมาก “ไป อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันกลัวแล้ว”
ลาภิณรีบเข้ามาดูทันที
ลาภิณถามด้วยความตกใจ “เป็นอะไรไปปริม”
ปริมเข้าไปกอดลาภิณด้วยความกลัวสุดๆ “ช่วยด้วยค่ะคุณต้น คุณแม่ จับมือปริมไม่ให้ปักธูปค่ะ”
แขกเหรื่อในงานต่างส่งเสียงฮือฮากับความเฮี้ยนของชูจิตแล้วพากันวิพากษ์วิจารณ์ยกใหญ่
โอ้เอ้รีบเข้ามาเบียดลุงทวีด้วยความกลัวจนจับใจ โอเอ้ทำตาเบิกกว้าง “นี่คุณท่านเฮี้ยนขนาดนี้เลยเหรอลุง” โอเอ้ยกมือท่วมหัว “พุทโธ ธรรมโม สังโฆ”
ทวีดุ “ไอ้โอ้เอ้ พูดมาก แขกเหรื่อกลัวกันหมดแล้วไม่เห็นรึไง”
ลาภิณเห็นแขกกลัวก็หงุดหงิดจึงดึงมือปริมออกไป “ออกมากับผมเลยปริม”
ลาภิณลากแขนปริมพาออกไปจากงานทันที
แขกเหรื่อยังคงนั่งวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยสีหน้ากลัวๆ โดยที่ไม่มีใครเห็นว่าวิญญาณชูจิตกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ว่างท่ามกลางแขกพร้อมกับหันไปมองตามลาภิณด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แววตาโกรธเพราะไม่พอใจปริมมาก

ลาภิณลากปริมออกมาต่อว่าที่ด้านนอกซึ่งลับตาคน
“คุณจะมาสร้างความวุ่นวายอะไรอีก”
“เปล่านะคะ” ปริมปฏิเสธ
“คุณยังกล้าพูดว่าเปล่าอีกเหรอะ คุณกำลังทำให้ทุกคนคิดว่าแม่ผมเป็นวิญญาณผีร้ายไปแล้ว”
“ก็ปริมเห็นจริงๆนี่คะ”
ลาภิณตัดบท “คุณกลับไปซะเถอะ”
ปริมอึ้ง “คุณต้น”
“ถ้าคุณพูดจริงก็แสดงว่าแม่ไม่ต้องการให้คุณอยู่ในงานของท่าน ขอบคุณมากที่มา ผมไม่ส่งนะครับ” ลาภิณเดินหน้าเครียดกลับเข้าไปในงาน
ปริมจิกตามองตามลาภิณไปด้วยสีหน้าแววตาเจ็บใจและอยากเอาชนะ

เจติยา มยุรี และนทีที่เพิ่งได้รับการประกันตัวกลับเข้าบ้านมาตอนกลางคืน
เจติยาพูดเสียงดุ “อย่าไปก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ เก็บตัวอยู่กับบ้านเข้าใจมั้ย”
นทีเดินเลี่ยงขึ้นชั้นบนไปโดยไม่โต้ตอบอะไร
มยุรีมองตามนทีแล้วก็สงสารลูกชาย เธอหันมาพูดกับเจติยา “น้องกำลังขวัญเสีย พูดกับน้องดีๆ หน่อยสิเจ”
เจติยาเซ็ง “เจพูดไม่ดีตรงไหนคะ แค่บอกว่าอย่าออกไปก่อเรื่องอีกก็เท่านั้นเอง”
“เพิ่งโดนตำรวจจับเข้าห้องขังมายังงี้ น้องเข็ดขยาดแล้วล่ะ” มยุรีมีสีหน้าซึมเศร้าขึ้นมา “นี่ถ้าไม่ได้หมวดนวัชช่วยออกหน้า น้องคงต้องนอนในห้องขังแน่ๆ เลย” มยุรีน้ำตาคลอด้วยความสงสารนที
เจติยาเห็นแม่จะร้องไห้ก็สงสารและเข้าใจแม่ จึงยื่นมือไปจับกุมมือแม่เอาไว้

เจติยาเดินกลับเข้าห้องนอนมาสีหน้าเหนื่อยใจ เธอเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดลิ้นชักหยิบกล่องรากบุญขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ขณะที่วิญญาณชูจิตมายืนอยู่ด้านหลังเจติยาแล้ว
“กล่องรากบุญใช่มั้ย” ชูจิตถาม
เจติยาสะดุ้งแล้วหันไปมองด้วยอาการตกใจสุดตัว เธอลุกขึ้นยืนห่างๆ “คุณท่าน”
“ไม่ต้องกลัวฉันหรอก”
เจติยามองไปที่กล่องรากบุญ “นี่ล่ะค่ะกล่องรากบุญ”
“มหัศจรรย์จริงๆ กล่องใบเล็กนิดเดียว แต่กลับบันดาลได้ทุกอย่าง”
“แต่ถ้ามันตกไปอยู่ในมือของคนร้าย ก็จะเป็นโทษนะคะ”
ชูจิตหันมายิ้มบางๆให้เจติยา “คุณสารัชถึงได้ยกกล่องใบนี้ให้เธอเพราะเค้ามั่นใจว่าเธอจะไม่มีวันใช้มันในทางที่ผิดเด็ดขาด”
เจติยายิ้มตอบ

ชูจิตหน้าขรึมลง “ฉันอยากมาขอให้เธอช่วยตาต้น”
เจติยาถอนใจออกมา “ถ้าจะให้คุณลาภิณปลอดภัย ก็ต้องให้คุณพิสัยรับโทษ”
“บอกความจริงกับตำรวจว่าพิสัยเป็นคนฆ่าฉัน” ชูจิตบอก
เจติยาตกใจมาก “เค้าเป็นคนทำจริงๆ เหรอคะ” เจติยาไม่พอใจ “จิตใจเค้าทำด้วยอะไร”
ชูจิตน้ำตาท่วมขึ้นมาด้วยความเจ็บช้ำ
เจติยาพูดหน้าเครียด “แต่ตอนนี้เราไม่เหลือหลักฐานอะไรเล่นงานเค้าได้เลยนะคะคุณท่าน”
“ถึงเค้าจะฆ่าฉัน แล้วก็ทำลายหลักฐานของคุณปุ่นไปแล้ว แต่ก็ยังมีหลักฐานสำคัญอีกอย่างนึงที่เอาผิดเค้าได้แน่นอน”
เจติยาสนใจขึ้นมาทันที “หลักฐานอะไรคะ”
“ศพของฉันยังไงล่ะ” ชูจิตบอก
“ยังไงคะ”
ทันใดนั้นก็มีลมแรงพัดจู่โจมเข้าทางหน้าต่างห้อง วิญญาณชูจิตมีสีหน้าตกใจกลัวแล้วจางหายไป
“คุณท่าน” เจติยากวาดตามองหา
ลมสงบลง เจติยาเดินไปมองทางหน้าต่างก็เห็นปราณยืนอยู่บนกำแพงรั้วบ้าน เขาเงยหน้าจ้องเขม็งมาที่เจติยา ปราณมองมาทางเจติยา แล้วยิ้มร้ายๆ เหมือนรู้ว่าเจติยากำลังมองเขาอยู่เช่นกัน เจติยามีสีหน้าตัดสินใจก่อนจะรีบออกไปจากห้อง

เจติยาวิ่งออกมาจากบ้านแล้วมายืนชะเง้อดูที่กำแพงรั้วแต่ก็ไม่เห็นปราณแล้ว เงาปราณผ่านทางหางตาเจติยาไปที่ถนนหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว เจติยาวิ่งตามออกไปกวาดตามองหาแต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากซอยมืดๆ
“แน่จริงอย่าหนีสิ”
เจติยาเห็นหลังปราณเดินพ้นมุมซอยไป เธอวิ่งกวดตามไป พอเลี้ยวหัวซอยก็ต้องเบรกสุดตัวเมื่อเห็นปราณ ยืนจังก้าด้วยใบหน้าดุดันรออยู่แล้ว
เจติยาจ้องหน้า “คุณต้องการอะไรจากฉัน”
ปราณทำสีหน้าดูถูก “เธอน่าจะรู้ดี ว่าคนอย่างเธอครอบครองของมีค่าอะไรไว้ทั้งๆ ที่เธอไม่คู่ควรกับมัน”
เจติยาเดาได้ไม่ยาก “กล่องรากบุญใช่มั้ย”
ปราณเดินเข้าหา “คราวนี้ฉันมีข้อต่อรอง ถ้าเธอยอมสละความเป็นเจ้าของกล่อง ฉันจะช่วยน้องชายเธอ”
เจติยานึกไม่ถึง “คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” เจติยาฉุกคิด “รึว่าคุณร่วมมือกับคุณพิสัย” เจติยาเริ่มมั่นใจ “ไม่น่าล่ะ เค้าถึงได้บอกฉัน ว่าจะมีคนมาคุยกับฉันเอง ที่แท้ก็คุณนี่เอง”
ปราณยิ้มพอใจ “ฉลาดมากเจติยา ถ้าเธอมีความโลภซักหนึ่งในสิบที่พิสัยมี เธอจะเป็นเจ้าของกล่องรากบุญที่สมบูรณ์แบบที่สุด” ปราณส่ายหน้าช้าๆ “น่าเสียดาย”
เจติยาไม่พอใจ “ไม่ต้องมาเสียดายหรอก ยิ่งรู้อย่างงี้ ฉันยิ่งไม่มีวันยกกล่องรากบุญให้เด็ดขาด ถ้าคนอย่างนายพิสัยได้กล่องไป จะมีแต่คนต้องเดือดร้อน”
“แสดงว่าเธอทนเห็นคนในครอบครัวต้องเดือดร้อนแทนได้งั้นสิ”
เจติยาอึ้ง
“ฉันเคยบอกแล้วไง ว่ายิ่งเธอยื้อกล่องไว้นานเท่าไหร่ คนรอบตัวเธอ ก็ยิ่งเดือดร้อนมากขึ้นเท่านั้น” ปราณบอก
เจติยาโมโหมาก “พวกแกรังแกเด็ก รังแกผู้หญิง รังแกคนแก่ แกยังมีจิตใจเป็นคนอยู่รึเปล่า”
ปราณยิ้มร้าย “แล้วใครว่าฉันเป็นคนล่ะ”
พูดจบปราณก็พุ่งเข้าใส่เจติยาอย่างรวดเร็ว เจติยาตกใจยกมือขึ้นป้องกันจนร่างของปราณแตกกระจายเป็นอณูดำๆ แล้วหายไป เจติยาหน้าตาตื่นตกใจ เธอกวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครนอกจากความมืด

เจติยาเข้ามาคุยกับทวีที่เข้าเวรอยู่ที่บริษัทตอนกลางคืน
ทวีเครียดแทน “ลุงก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย”
“น่ากลัวจังเลยนะคะลุง” เจติยาบอก
“ลุงว่าที่คุณพิสัยแคล้วคลาดมาได้ตลอด นายคนนี้อาจจะอยู่เบื้องหลังก็ได้ หนูเจต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะ”
“ค่ะลุง”

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 2 ธ.ค. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา manager