@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 5 ธ.ค. 55


อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 5 ธ.ค. 55

ลาภิณตกใจมากรีบเบรคทันที แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังล้มลงไป ลาภิณรีบลงจากรถไปดูอาการเห็นผู้ชายคนนั้นนอนสลบอยู่บนพื้น
ลาภิณตกใจมาก “เป็นยังไงบ้างคุณ”
ผู้ชายคนนั้นลืมตาขึ้นแล้วใช้ที่ช็อตไฟฟ้า ช็อตใส่ลาภิณทันที ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้นแล้วแสยะยิ้มพร้อมกับมองลาภิณด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ลาภิณถูกช็อตจนตัวชาล้มลงไปกับพื้น และขยับไม่ได้ ได้แต่มองผู้ชายคนนั้นด้วยความหวาดกลัว

พ่อปริมเดินเข้ามาในโรงแรมมาพร้อมลูกน้องตอนสาย นวัชที่ถือแฟ้มรออยู่แล้วรีบเดินเข้าไปหาทันที
นวัชตะเบ๊ะ “สวัสดีครับท่าน”



“ผมต้องรีบไปประชุมนะหมวด คงคุยนานไม่ได้”
“ผมจะมาเรียนท่าน เรื่องผลชันสูตรศพคุณปริมครับ” นวัชยื่นแฟ้มให้
พ่อปริมรีบรับแฟ้มมาอ่านแล้วก็หน้าเสียไป
“ผลชันสูตรยืนยันว่าคุณปริมฆ่าตัวตายแน่นอนครับ”
พ่อปริมถอนใจออกมาด้วย่ทาทางเครียดๆ
นวัชพูดเบาลงพอให้ได้ยินกันแค่ 2 คน “ก่อนที่คุณปริมจะเสีย ผมได้เชิญตัวคุณปริมมาให้ปากคำ และได้รู้ความลับบางอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายก็ได้ครับ”
พ่อปริมมองหน้านวัชด้วยแววตาสงสัย
“ถ้าไม่รบกวนเวลาท่านจนเกินไป ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวซักครู่จะได้มั้ยครับ”
พ่อปริมมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

นวัชเล่าให้พ่อของปริมฟัง พร้อมๆ กับภาพวันเกิดเหตุที่ปราฏขึ้นในหัวของทั้งคู่
ปริมกำลังกดดูภาพในโทรศัพท์มือด้วยสีหน้าเจ็บแค้นใจจนแทบคลั่ง น้ำตาของเธอไหลท่วมตา

นวัชเล่าให้พ่อปริมฟัง “เราพบทั้งภาพและคลิปลับใหม่ในโทรศัพท์มือถือของคุณปริม”

ปริมลุกขึ้นโทรศัพท์ไปด่าพิสัยด้วยความโกรธเกรี้ยวกราด เธอร้องไห้ด้วยความเครียดและ
บีบคั้นอย่างถึงที่สุด ก่อนจะปาโทรศัพท์มือถือทิ้งไปที่เตียง แล้วกรีดร้องพร้อมกุมหัวอย่างคนคุ้มคลั่งและสติแตก

“คนที่ส่งภาพมาและคนที่คุณปริมโทรกลับไปหาเป็นคนเดียวกัน คือ คุณพิสัย” นวัชบอกพ่อปริม

ปริมวิ่งพรวดพราดด้วยความทรมานออกมาจากห้องนอนก่อนจะมาล้มลงที่ห้องโถง เธอพยายามตะเกียกตะกายจะไปที่หน้าประตูห้อง แต่หมดแรงเฮือกสุดท้ายไปเสียก่อน ปริมมีอาการชักตาตั้ง น้ำลายฟูมปากแล้วขาดใจตายกลางโถงบ้าน

“เราสันนิษฐานว่าคุณปริมเกิดเปลี่ยนใจ อยากจะออกไปขอความช่วยเหลือ แต่ว่ามันสายเกินไป” นวัชบอก

นวัชและพ่อปริมมานั่งคุยกันที่ร้านอาหารของโรงแรม พ่อปริมมีสีหน้าเจ็บแค้นใจมาก
“ตอนนี้โทรศัพท์มือถือปริมอยู่ไหน” พ่อปริมถามเสียงเครียด
นวัชเห็นใจ “เราเก็บรักษาไว้อย่างดี ท่านไม่ต้องกลัวว่าภาพจะหลุดเลยครับ”
“ไอ้พิสัย ไอ้สารเลว” พ่อปริมโกรธแค้น
“ประเด็นที่ว่าคุณลาภิณจะฆาตกรรมคุณปริม ผมว่าไม่มีเหตุจูงใจอะไรให้ทำ น่าจะไปหาเพื่อปรับความเข้าใจมากกว่า”
พ่อปริมชะงักไปกับเรื่องลาภิณ ก่อนจะมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

ลาภิณถูกรุมซ้อมจนน่วมและหมดสภาพอยู่กับพื้นโกดังร้าง ลูกน้องของพ่อปริม 2-3 คน รุมล้อมลาภิณเอาไว้โดยที่ทุกคนใส่หน้ากากโม่งปิดบังโฉมหน้ากันหมด
“เฮ้ย พอแล้ว เสียเวลา จะได้รีบกลับๆกันซะที” คนหนึ่งตะโกนบอกเพื่อน
ลูกน้องอีกคนชักปืนออกมาเล็งไปที่ลาภิณ ลาภิณเหลือบตามองแล้วก็ต้องทำใจเพราะหมดสภาพจะหนีได้ ลูกน้องพ่อปริมเหนี่ยวไกจะยิง
ลาภิณตั้งสติพร้อมกับทำใจ “ลาก่อนเจ” ลาภิณกวาดตามองหา “คุณแม่ รอรับผมไปด้วยนะครับ” ลาภิณหลับตา รอรับความตาย
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของลูกน้องพ่อปริมที่ถือปืนก็ดังขึ้น
ลูกน้องพ่อปริมดูเบอร์แล้วกดรับ “ครับท่าน”
ลาภิณค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตนยังไม่ตาย
ลูกน้องพ่อปริมฟังอีกฝ่ายแล้วก็หน้าเครียด “ไม่มีใครเห็นแน่นอนครับ...ครับ” ลูกน้องพ่อปริมกดตัดสาย
ก่อนบอกทุกคน “หนีเร็ว” แล้วเขาก็รีบวิ่งนำออกไป
ลูกน้องคนอื่นๆ ยังงงแต่ก็รีบวิ่งตามออกไป ลาภิณถอนใจยาวออกมาอย่างโล่งอกที่รอดตายหวุดหวิด เขารวมแรงเฮือกสุดท้ายล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

ที่บ้านลาภิณ เจติยากำลังทำแผลให้ลาภิณโดยมีนวัช และนิษฐา ยืนดูอยู่ใกล้ๆ
“คุณต้นพอจะรู้มั้ยคะว่าพวกมันเป็นใคร ใช่พวกนายพิสัยรึเปล่าคะ” นิษฐาถาม
“ไม่น่าใช่ลูกน้องนายพิสัยหรอก ฟังจากที่คุณลาภิณเล่ามา ก็เดาไม่ยาก” นวัชบอก
“ถ้าเดาไม่ยากก็ตามไปจับเลยสิคะพี่หมวด”
นวัชหันไปมองหน้าลาภิณเป็นเชิงถาม
“ผมไม่เอาเรื่องหรอกครับหมวด ผมมั่นใจว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เค้ารู้ความจริงจากหมวดถึงได้ปล่อยผม ให้มันจบๆ ไปเถอะครับ ทางเค้าก็สูญเสียมามากพอแล้ว”
“ถ้าคุณต้องการอย่างงั้น ก็ได้ครับ” นวัชบอก
เจติยาและนิษฐาหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ เล็กน้อย
นวัชตัดบท “พี่จะกลับแล้ว ฐากลับพร้อมพี่เลยแล้วกันนะ”
นิษฐาหันมองหน้านวัชอย่างงงๆ เล็กน้อย
นวัชขยิบตาให้คล้ายต้องการบอกว่าเปิดโอกาสให้สองคนนั้นได้อยู่ด้วยกันเถอะ
นิษฐายิ้มเพราะเข้าใจจึงรีบเสริม “งั้นเจอยู่ปฐมพยาบาลคุณลาภิณไปก่อนนะ เค้าไม่มีใคร น่าสงสารออก” นิษฐายิ้มกระเซ้า
เจติยาหันไปทำหน้าดุใส่นิษฐา
“ฝากเจด้วยนะครับ” นวัชบอกลาภิณ
เจติยาหันไปค้อนใส่นวัชอีกคน
“ไม่ต้องห่วงครับ เย็นๆ ผมจะให้คนขับรถพาไปส่งที่บ้าน” ลาภิณบอก
นวัชยิ้มกระเซ้าเจติยา “พี่กลับก่อนนะ”
นิษฐารีบลุกไปเกาะแขนนวัช “ถ้าอาการคุณลาภิณแย่ลง เธอต้องอยู่เฝ้ากะดึกก็โทรไปบอกนะ จะให้นทีเอาเสื้อผ้ามาให้” นิษฐาส่งสายตาแซว
เจติยามีสีหน้าเจ็บใจนิษฐาและนวัชที่เดินเกาะแขนยิ้มแย้มพากันออกไปจากบ้าน ลาภิณอมยิ้ม เจติยาใช้หางตามองลาภิณ
“ยิ้มอะไร” เจติยาทำหน้าบึ้งๆ เพื่อกลบเขิน
ลาภิณพูดหน้าตาย “ถ้าเกิดคืนนี้ผมไข้ขึ้นจะทำยังไง” ลาภิณส่งสายตาอ้อนเจติยา
“ก็กินยาสิคะ แค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก” เจติยาจะลุกหนีด้วยความเขิน
ลาภิณจับมือเจติยาเอาไว้ ก่อนจะจ้องตาด้วยสีหน้าจริงจัง “นึกว่าจะไม่ได้กลับมาเห็นหน้าเธอแล้วซะอีก”
เจติยาอึ้งไปเพราะใจหายวูบเหมือนกัน ลาภิณดึงเจติยามาสวมกอดเอาไว้ เจติยาไม่ขัดเขินกลับซบหน้าลงกับอกลาภิณด้วยความดีใจเช่นกัน ทันใดนั้นก็มีวิญญาณผู้หญิงเคลื่อนผ่านทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เจติยาและลาภิณไม่รู้ตัว

นวัชเดินอย่างรวดเร็วออกมาหน้าบ้านโดยมีนิษฐาเกาะแขนเดินตามออกมาด้วย ทั้งคู่ตรงไปหารถตำรวจที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“ขึ้นรถเร็วๆ เข้า” นวัชบอก
“จะรีบร้อนไปไหนคะ” นิษฐาถาม
“ถ้าขืนชักช้า นายพิสัยอาจจะไม่โชคดีเหมือนคุณลาภิณ” นวัชก้าวขึ้นรถตำรวจทันที
นิษฐามีสีหน้างงๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป

ลูกน้องของพ่อปริมหลายคนกำลังเฝ้าตามจุดต่างๆ หน้าคอนโดพิสัยพร้อมทั้งคอยสังเกตคนผ่านไปผ่านมา พิสัยซุ่มมองดูอยู่ห่างจากคอนโดพอสมควร เขาแต่งตัวรัดกุม ใส่หมวกใส่แว่นดำ
พิสัยเห็นบรรดาลูกน้องพ่อปริมอยู่เต็มไปหมดก็มีสีหน้าหวาดกลัว เขารอจังหวะแล้วก็รีบชิ่งหนีไปทันที

พิสัยทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงในห้องพักเล็กๆ ด้วยความหงุดหงิด
“มีคอนโดสบายๆ ก็ไม่ได้อยู่ แถมยังโดนตามล่าอีก ซวยอะไรยังงี้วะ”
ปราณเดินเข้ามาหาพิสัย
“ฉันบอกแกแล้ว ว่าให้ก้าวข้ามลาภิณไปซะที เอาไว้แกมีทุกอย่างเหนือกว่ามันเมื่อไหร่ ค่อยมาล้างแค้นก็ยังไม่สาย” ปราณส่ายหน้าด้วยความระอา “นี่ถ้าฉันไม่มาเตือนให้แกหนี แกคงกลายเป็นศพไปแล้ว”
พิสัยหงุดหงิด “หยุดซ้ำเติมกันซะทีเถอะน่ะ”
ปราณหยิบเงินออกมาปึกนึงก่อนจะโยนลงตรงหน้าพิสัย พิสัยเห็นเงินก็ตาเบิกโพลงด้วยความละโมบ
“แค่นี้ คงพอให้แกเอาตัวรอดได้ หรือว่าแกต้องการอะไรอีกก็บอกมา ฉันจะจัดการให้”
พิสัยเอาเงินมานับแล้วยิ้มแย้มพอใจ
ปราณเดินพูดไปรอบๆ ตัวพิสัย “ถ้าแกได้เป็นเจ้าของกล่องรากบุญ แกก็จะขอพรให้พ้นผิดทั้งหมดได้ง่ายเหมือนดีดนิ้ว”
พิสัยหยุดนับเงิน เขาเงยหน้ามองปราณแล้วมีสีหน้าคิดตาม
ปราณหยุดเดินแล้วมายืนเผชิญหน้า “ฉันเสียเวลามากับแกมากเกินไปแล้ว” ปราณมีน้ำเสียงขึงขังแบบออกคำสั่ง “ฉันให้เวลาแก 3 วัน แกต้องเป็นเจ้าของกล่องรากบุญให้ได้”
“3 วันเองเหรอ”
ปราณจ้องหน้าพิสัยด้วยแววตาดุดัน “นี่คือโอกาสสุดท้ายของแก”
พิสัยหน้าเครียดขึ้นมา เพราะเขาจนตรอกและไม่มีทางเลือกแล้ว

เจติยาเดินถือจานอาหารกับแก้วน้ำของลาภิณที่เขากินเสร็จแล้วเข้ามาในครัวที่มีคนรับใช้กำลัง
เช็ดจานที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วอยู่ เจติยาเอาจานมาวางไว้ที่อ่างล้างจานแล้วเตรียมจะล้าง
“เดี๋ยวหนูล้างเองค่ะคุณ” คนรับใช้บอก
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เธอไปพักทานข้าวก่อนเถอะ”
เจติยาเปิดน้ำล้างจาน สาวใช้เดินออกไปจากครัว เจติยาหยิบฟองน้ำมาเพื่อจะล้างจาน ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงเดินมายืนข้างๆ เจติยาเห็นชายเสื้อของผู้หญิงคนนั้นจากหางตาก็นึกว่าเป็นคนรับใช้
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไปทานข้าวเถอะ”
เจติยาหันไปมองแล้วก็ตกใจมากที่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือวิญญาณปริมที่หน้าซีดเผือด ทันใดนั้นวิญญาณปริมก็พุ่งเข้าสิงเจติยาทันที

ลาภิณกำลังอ่านแฟ้มเอกสารการประชุมของบริษัทอยู่ที่โซฟารับแขก เจติยาเดินนิ่งๆ ออกมาหาลาภิณ
ลาภิณเหลือบตามอง “จะกลับรึยังครับ”
เจติยาพูดหน้านิ่ง “ยังค่ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
ลาภิณเหลือบตามองเพราะรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย “นั่งสิ”
เจติยาเดินมานั่งเบียดข้างลาภิณในลักษณะหลังตรง หน้าเชิด
ลาภิณรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยเพราะมั่นใจว่าเจติยาไม่น่าจะกล้ามานั่งเบียดเขาแบบนี้
ลาภิณยิ้มให้ “อยากคุยอะไรล่ะครับ” เขาวางแฟ้มลงที่โต๊ะกลางโซฟา
เจติยาชำเลืองมองลาภิณแล้วก็น้ำตารื้นขึ้นมา “คุณต้นยังรักปริมอยู่รึเปล่าคะ”
ลาภิณงงเล็กน้อย “ถามทำไมเหรอ”
“ฉันอยากรู้”
ลาภิณหน้าขรึมลง “ปริมคือความรักครั้งแรกของฉัน”
เจติยายิ้มออกด้วยความดีใจเป็นที่สุด

ลาภิณมองหน้าเจติยา “แต่กับเธอ เราอาจจะไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก แต่เพราะความที่เราช่วยเหลือกัน ผ่านเรื่องร้ายๆมาด้วยกัน มันเลยทำให้เราได้เรียนรู้ได้เข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ” ลาภิณทำสายตาอ่อนโยน “จนตอนนี้ฉันมั่นใจว่าเธอคือผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุด”
รอยยิ้มเจติยาเหือดแห้งไปกายเป็นน้ำตาเอ่อขึ้นมาแทน ไม่ใช่เพราะปลาบปลื้มแต่มาจากความเจ็บช้ำ
ลาภิณเลื่อนมือไปจับกุมมือเจติยาแล้วก็ต้องสะดุ้ง “ทำไมมือเธอเย็นเฉียบขนาดนี้ล่ะ”
เจติยามีแววตาแข็งๆ ปนอิจฉาก่อนจะดึงมือออก
เจติยาโมโหมาก “แล้วระหว่างฉันกับปริม คุณรักใครมากกว่ากัน”
ลาภิณยิ่งสงสัยหนัก “ทำไมถามอย่างงี้ล่ะ”
เจติยาเสียงแข็ง “คุณตอบมาเถอะน่ะ”
ลาภิณคิดอยู่ครู่นึง “ฉันไม่อยากโกหกเธอหรอกนะ ตอนแรกฉันคิดกับเธอแค่เพื่อนร่วมงานจริงๆ แต่พอฉันเข้าใจผิดเรื่องปริมกับน้าพิสัย...”
เจติยาสวนขึ้นมา “ถ้าไม่เกิดเรื่องนายพิสัย คุณก็ยังรักปริมอยู่ใช่มั้ยคะ”
“ใช่” ลาภิณหน้าเศร้าลง “แต่ตอนนี้เรื่องฉันกับปริมมันจบแล้วล่ะ”
“ถ้าปริมยังไม่ตาย คุณจะเลิกกับเจแล้วกลับไปหาปริมมั้ย”
ลาภิณแปลกใจมาก “เธอพูดอะไรของเธอ เธอเป็นฝ่ายขอเลิกกับฉัน แล้วขอให้ฉันกลับไปหาปริมเองไม่ใช่เหรอ”
เจติยาหน้าเสียเพราะไม่เคยรู้ว่าเจติยาจะเป็นคนดีแบบนี้ เจติยาที่ถูกปริมเข้าสิงเลยอึกๆอักๆทำอะไรไม่ถูก
ลาภิณฉุกคิดได้ จึงลุกขึ้นจ้องหน้าเจติยา “ปริม นั่นคุณใช่มั้ย”
เจติยาทำอะไรไม่ถูก เลยลุกเดินหนีออกไปจากบ้านด้วยใบหน้านิ่งเครียด ลาภิณมองตามออกไปด้วยความแปลกใจและเป็นห่วง

เจติยาที่ถูกสิงโดยวิญญาณปริมเดินร้องไห้ น้ำตาคลอมาที่สนามข้างบ้าน แล้ววิญญาณปริมก็ออกจากร่างเจติยาเล่นเอาเจติยาทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความอ่อนแรง วิญญาณปริมหันมามองหน้าเจติยาด้วยน้ำตานองหน้าเพราะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เธอก็รู้ว่าไม่ใช่ความผิดของใครแม้แต่เจติยาที่เธอชอบโทษอยู่เป็นประจำ
ปริมร้องไห้ “แกได้ยินแล้วใช่มั้ย ถ้าคุณต้นไม่เข้าใจผิด คนที่เค้ารักก็คือฉัน เค้ายังรักฉันอยู่ ไม่ใช่แก” ปริมน้ำตาไหลต่อเนื่อง
เจติยาหน้านิ่งขรึมก่อนจะพยุงตัวไปนั่งพักที่ม้าสนาม
ปริมช้ำใจมาก “แต่ก็อย่างที่คุณต้นบอกนั่นแหละ เรื่องระหว่างฉันกับเค้ามันจบแล้ว ตอนนี้เธอคือปัจจุบัน ฉันเป็นอดีตไปแล้ว”
เจติยาเข้าใจความรู้สึก “แต่คุณปริมคะ”
ปริมพูดสวนขึ้น “หุบปาก แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ถึงมันจะไม่ใช่ความผิดของแก แต่ฉันก็เกลียดแกอยู่ดี ยิ่งรู้ว่าแกพยายามจะสละเค้าให้ฉัน ฉันก็ยิ่งเกลียดแกมากยิ่งขึ้น” ปริมน้ำตาไหลออกมา
เจติยานิ่งเงียบด้วยหน้าตาไม่สบายใจ
“คุณต้นไม่ใช่สิ่งของ อย่ามาเที่ยวยกเค้าให้ผู้หญิงคนไหนอีก ไม่ยังงั้นฉันจะตามรังควาญแก ไม่ให้อยู่เป็นสุขไปตลอดชีวิตเลยคอยดูสิ” ปริมมีสีหน้าแววตาดุดันแต่น้ำตายังคงไหล
เจติยาอึ้งปนงง เธอเงยหน้ามองปริมเพราะไม่มั่นใจว่าปริมต้องการสื่ออะไร
พูดจบวิญญาณปริมก็เลือนหายไป พร้อมๆ กับที่ลาภิณเดินตามออกมา
ลาภิณมองหา “เจ...”
เจติยาลุกขึ้นหันหน้าไปหาลาภิณ
“ปริมมาใช่มั้ย” ลาภิณถาม
เจติยาน้ำตาคลอ “ค่ะ”
ลาภิณเป็นห่วง “เธอปลอดภัยนะ”
เจติยาพยักหน้ารับ
ลาภิณเข้ามาสวมกอดเจติยาเอาไว้ เจติยากอดลาภิณแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกทั้งดีใจที่ปริมอโหสิให้และสงสารโชคชะตาของปริม

เช้าวันใหม่ นทีถือตะกร้าจ่ายตลาดเดินตามหลังมยุรีออกจากบ้าน เพื่อจะไปจ่ายตลาด เจติยารีบตามออกมา
“ไม่ต้องล็อคค่ะแม่ เจไปด้วยค่ะ” เจติยาตามออกมาแล้วล็อคประตูรั้ว
“วันนี้มีเวรตอนบ่ายไม่ใช่เหรอพี่” นทีถาม
“ตั้งใจจะแวะไปเยี่ยมลุงทวีก่อน” เจติยาบอก
“ดีแล้วลูก ลุงเค้าไม่มีลูกหลานที่ไหนแล้ว เจหมั่นไปดูแลเค้าก็ดีแล้วล่ะ”
สามคนแม่ลูกเดินคุยกันไปด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส พิสัยที่ซุ่มดูอยู่มองตามทั้งสามคนไปด้วยสายตาร้ายเพราะมีแผนการ

เจติยาเปิดประตูห้องไอซียูเข้ามาก็เห็นลาภิณกำลังนั่งเฝ้าทวีอยู่ข้างเตียง โดยที่ทวียังนอนหลับสนิท
“อ้าว คุณต้น”
ลาภิณยิ้มทักทาย “ใจตรงกันเลยนะ”
เจติยายิ้มรับ ก่อนจะเข้ามาจับมือทวี
“คุณหมอบอกรึยังคะว่าจะให้ย้ายลุงทวีไปห้องปกติได้เมื่อไหร่”
“น่าจะอีกวันสองวัน แต่ฉันกะว่าจะให้ลุงไปอยู่ที่บ้าน แล้วก็จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ลุงทวีเค้ามีบุญคุณกับคุณพ่อมาก ยังไงฉันก็ต้องตอบแทนลุงเค้า” ลาภิณบอก
เจติยายิ้มบางๆ ด้วยความดีใจที่เห็นลาภิณเอาใจใส่ทวี เธอเดินเข้ามาจับมือทวี
เจติยาบอกกับทวี “เจมาเยี่ยมนะคะลุง”
ลาภิณจับตามองเจติยา “เมื่อคืนตอนที่ปริมเข้าสิงเธอ เธอได้ยินเรื่องที่ฉันคุยกับปริมมั้ย”
เจติยาแอบเขิน “ถามทำไมคะ”
ลาภิณยิ้มขี้เล่น “เมื่อคืนฉันรู้สึกว่าฉันพูดดีมากๆ เลย ถ้าให้พูดบอกเธอซ้ำอีกครั้ง กลัวจะไม่ดีเท่าเมื่อคืน” ลาภิณยิ้มกรุ้มกริ่ม
เจติยาเหยียดปากหมั่นไส้
ลาภิณลุกมายืนข้างเจติยาแล้วจับมือเจติยาเอาไว้ พร้อมพูดบอกทวี “หายให้ทันงานของเรานะครับลุง”
เจติยาเขินมาก “งานอะไรของคุณ พูดให้ดีๆ นะ” เจติยาใช้อีกมือมาหยิกพุงลาภิณ
ลาภิณยิ้มกริ่มไม่ตอบ

ลาภิณเดินคุยกับเจติยามาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“พรุ่งนี้ธนาคารจะปล่อยเงินกู้งวดสุดท้ายให้แล้วนะ” ลาภิณบอก
เจติยายิ้มแย้มด้วยความดีใจ “ดีใจด้วยค่ะ”
ลาภิณถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้ว”
“ฟ้าหลังฝนก็ยังงี้ล่ะค่ะ”
ลาภิณยิ้มรับเพราะมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเจติยาก็ดังขึ้นเตือนว่ามีคนส่งคลิปเข้ามา เจติยาดูโทรศัพท์มือถือด้วยความแปลกใจแล้วก็เปิดดู ในคลิปเป็นภาพมยุรีและนทีกำลังถูกจับมัดมือเท้า มัดปาก พยายามดิ้นรนอยู่ในกระท่อม ไม่กี่วินาทีแล้วคลิปก็จบ
เจติยาตกใจสุดๆ “แม่”
ลาภิณเห็นสีหน้าตกใจของเจติยาก็แปลกใจ “มีอะไรเหรอ”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเจติยาก็ดังขึ้นอีก
เจติยาดูเบอร์แล้วรีบกดรับทันทีด้วยความโมโห “อย่ามายุ่งกับแม่กับน้องฉันนะ”
เสียงพิสัยดังแว่วออกมาจากโทรศัพท์
“ได้ดูคลิปแล้วสินะ”

พิสัยกำลังคุยโทรศัพท์มือถือโดยมีปราณยืนมองอยู่ใกล้ๆ
“ถ้าอยากให้แม่กับน้องเธอปลอดภัย เธอก็คงรู้นะว่าต้องเอาอะไรมาแลก ตอนนี้ฉันอยู่ที่สวนของพี่จิต ถามไอ้ต้นดูก็แล้วกันว่าอยู่ที่ไหน” พิสัยกดตัดสายไป
มยุรีและนทีพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ปราณยิ้มพอใจ “แกน่าจะทำอย่างงี้ซะแต่แรก ไม่งั้นป่านนี้แกก็ได้เป็นเจ้าของกล่องรากบุญไปตั้งนานแล้ว”
“คนอย่างฉัน ถ้าไม่จนตรอกจริงๆ ฉันไม่มีวันเอาตัวเข้ามาเสี่ยงขนาดนี้หรอก” พิสัยจ้องหน้าปราณ “ขอให้กล่องนั่นวิเศษสมราคาคุยของแกจริงๆ เถอะ”
ปราณยิ้มมั่นใจ พิสัยหันไปมองนทีและมยุรี ที่โดนจับมัดอยู่ ทั้งคู่มองพิสัยด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะหันมาสบตากันด้วยความรู้สึกกลัว

ลาภิณและเจติยากำลังคุยกับนวัชด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่ห้องทำงานนวัช
“เจไม่ต้องห่วงนะ พี่ขอกำลังตำรวจไว้พร้อมแล้ว พอถึงเวลาเจก็ไปตามนัด แล้วพี่จะนำกำลังเข้าไปจับกุมนายพิสัยเอง” นวัชบอก

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 5 ธ.ค. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา manager