@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ตอนที่ 10 วันที่ 6 เม.ย. 57

อ่านละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ตอนที่ 10 วันที่ 6 เม.ย. 57

“ทำไมพี่เอื้อพูดแบบนี้ พี่อัมกับอรออกจะเป็นคนดี รักความยุติธรรม ไม่ชอบเห็นคนโดนหลอก พี่
เอื้อนั่นแหละ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว”
“ดอกบัวที่ไหนเที่ยวใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นลับหลัง” เอื้อย้อน
“เราไม่ได้ใส่ร้าย แต่อรกับพี่อัมพูดเรื่องจริง”

อรทัยเผลอทำเสียงดัง จน คนแถวนั้นหันมามองด้วยความแปลกใจ อัมพิกาสะกิดให้อรทัยใจเย็นๆ
เอื้อรีบพูดตัดบท


“แต่จะว่าไปทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ยิ่งใส่ร้ายหนูเล็กกับเขมชาติมากเท่าไหร่ เขมชาติก็ยิ่งเกลียด
หนูเล็กมากเท่านั้น ผมก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะมาแย่งหนูเล็กไปจากผม”
อัมพิกากับอรทัยชะงักกึก
“ใส่ร้ายต่อไปนะครับ อย่าหยุด”
เอื้อพูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินจากไปเลย อัมพิกากับอรทัยถึงกับสะอึก หันกลับมามองหน้ากัน อย่างคิด
ว่าจะทำอย่างไรต่อดี

เขมชาติพาสุริยง มายืนอยู่ที่ริมสนาม เห็นคนเล่นฟุตบอลอยู่ไกลๆ
เขมชาติถอดสูทออกมาถือไว้ และปลดเนคไทเหลือเพียงเชิ้ตขาวตัวเดียว
“จำที่นี่ได้มั้ย ?”
สุริยงปรายตามองไปรอบๆ ความหลังวูบเข้ามาอีกครั้ง ในสมัยที่สุริยงเป็นเชียร์ลีดเดอร์ตอน
เรียนปีหนึ่ง ขณะกำลังซ้อมเชียร์ บังเอิญมีลูกฟุตบอลลอยมาจากด้านหลังแล้วก็ปะทะเข้าที่ศรีษะของเธออย่างแรง
สุริยงสลบไปทันที ในขณะที่เขมชาติยืนเหวออยู่ด้านหลัง หน้าซีด จนกลายเป็นขาว
เมื่อเห็นสุริยงยังคงยืนเงียบ เขมชาติก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงขรึม
“ผมจำได้ เราเจอกันครั้งแรกที่นี่” เขมชาติกวาดตาไปรอบๆ “ผมไม่เคยลืมเจอกันครั้งแรก ผมก็
ทำคุณเจ็บตัวเลย แต่หลังจากนั้นคุณก็เอาคืนอย่างสาสมกับการบอกลาที่ทำให้เจ็บอย่างแสนสาหัส”
สุริยงสะอึกสะท้านไปทั้งใจ จึงพยายามจะตัดบท
“นี่ก็เย็นแล้วเรารีบกลับเถอะค่ะ ดิฉันมีงานอีกมากต้องทำ” พลางทำท่าจะเดินไป หากเขมชาติรีบ
พูดต่อ อย่างตั้งใจจะรั้งไว้
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความผิดของคุณอย่าโทษตัวเองอีกเลยนะวดี”
สุริยงชะงักเท้า หยุดกึก พร้อมกับที่สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงและคำพูดที่แฝงความเข้าใจอย่างที่เธอไม่
เคยได้ยินมาก่อน
“ผมยอมรับ ว่าผมเกลียด และโกรธ ที่คุณทิ้งผมอย่างไม่มีเยื่อใย ไม่ให้โอกาสแม้แต่จะเจอหน้า
เพื่อบอกลากัน แต่หลังจากที่ผมรู้ว่าคุณแต่งงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เพื่อปลดหนี้มหาศาลให้พ่อกับแม่ ผมก็
เข้าใจ คุณทำถูกต้องแล้ว คุณตัดสินใจถูกแล้ว อย่ารู้สึกผิดกับผมต่อไปอีกเลย”
คำพูดของเขมชาติกดโดนจุดปม และสิ่งที่ค้างคาในใจของสุริยงมานานแล้ว เขมชาติเดินมาหา
สุริยงสองคนเผชิญหน้ากัน
“ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องแสดงว่าจำอะไรไม่ได้ เสแสร้งแกล้งทำเป็นลืมอดีต ต่อให้ทำได้
แนบเนียนแค่ไหน หัวใจของคุณก็รู้ ว่าคุณไม่เคยลืม”
เขมชาติมองตาสุริยงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“อย่าหนีต่อไปอีกเลย ถึงคุณจะเปลี่ยนชื่อใหม่สักกี่ชื่อ คุณก็คือ สุริยาวดีของผม”
สุริยงใจเต้นรัว พลางพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ให้ไหลออกมาทั้งที่ในใจนั้นอ่อนยวบ
“ผมเข้าใจ และยกโทษให้คุณทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องแสดง หรือเล่นละครหลอกคนอื่น และ
หลอกตัวเองต่อไปอีกแล้ว”
เขมชาติพูดด้วยความเข้าใจ พลางมองสุริยงด้วยแววตาที่เข้าลึกไปถึงหัวใจที่ถูกปิดกั้นมานานสุริยงสะอื้นในใจ เหมือนเขมชาติมายกภูเขาออกจากอกที่กดทับมาเป็นเวลานาน
พูดจบ เขมชาติก็เดินผ่านสุริยงไปช้าๆ มือของเขมชาติเฉียดผ่านมือของสุริยง ปลายนิ้วก้อยแตะกันเบาๆ ดูเหมือนจะไม่ตั้งใจ หากจริงๆ แล้วเขมชาติตั้งใจ สุริยงเริ่มใจสะท้าน
คล้อยหลังเขมชาติ สุริยงค่อยๆเ ผยความอ่อนโยน อ่อนแอ และอ่อนไหว ที่ถูกกดทับไว้ออกมา พร้อมกับพูดขึ้นมาเบาๆ
“ขอบคุณมาก”
เขมชาติหยุดเดิน พลางตั้งใจฟัง
“ขอบคุณที่เข้าใจ”
สุริยงรู้สึกเบา สบายใจ เขมชาติยิ้มร้ายที่มุมปากด้วยความพอใจอย่างที่สุด แล้วก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“ผมนัดคุณเกนไว้ คุณกลับบริษัทเองนะ ผมต้องรีบไปไม่อยากให้คุณเกนรอ”
“ ค่ะ”
สุริยงยังยืนอยู่ที่เดิม ในขณะที่กำแพงในใจโดนทลายลงไปจนเกือบจะไม่เหลือ

เขมชาติพูดจบก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มสุดแสนจะสะใจ โดยที่คนพูดไม่มีโอกาสรู้เลยว่า วาจาที่เขาปั้นแต่งเพื่อหลอกลวงสุริยงในวันนี้ จะกลับมาทิ่มแทงเขาอย่างแสนสาหัสในกาลต่อไป
เขมชาติ กับเกนหลงนั่งคุยกันอยู่ภายในสวนสวย
“คุณเอื้อมาหุ้นทำโรงแรมกับคุณเกน เริ่มงานเมื่อไหร่?”
“ทันทีค่ะ ตอนนี้คุณพ่อกำลังตกลงเรื่องการบริหารและการลงทุนกับทางคุณอัมพิกา และ คุณ
อรทัย”
“เรื่องลงทุนผมเห็นด้วย รัตนชาติมีคอนเนคชั่นที่แข็งแรง แต่ผมขออย่างเดียว เวลาทำงานกรุณา
อย่าอยู่กับคุณเอื้อ สองต่อสอง ผมหวง”
เขมชาติพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เกนหลงมอง แล้วยิ้ม
“แล้วถ้าเกนตั้งกฎนี้บ้างล่ะคะ เวลาทำงานห้ามเขมอยู่กับผู้หญิงอื่นสองต่อสอง เช่น ห้ามอยู่กับ
คุณสุสองต่อสอง เขมจะยอมหรือเปล่า?”
เขมชาติรู้สึกเหมือนโดนธนูปักหลังที่หวะอยู่ แล้วก็ยิ้มกลบเกลื่อน
“โธ่ มันไม่เหมือนกัน คนนั้นน่ะ เขาแม่หม้ายลูกสอง ผมไม่สนหรอกครับ แต่คุณเอื้อทั้งหล่อ ทั้งรวย
ทั้งโสด ผมมีสิทธิ์ที่จะระแวง”
“เขมคะ เกนไว้ใจคุณมาตลอดไม่เคยหึงไม่ว่าคุณจะอยู่กับใคร เกนถามคำเดียว คุณไว้ใจเกน
หรือเปล่าคะ?”
เกนหลงยิงคำถามตรงๆ แต่สะกิดใจเขมชาติ จนถึงกับสะอึก
“เล่นไม้นี้ ผมก็ต้องตอบว่าไว้ใจสิครับ ทั้งไว้ใจ ทั้งเชื่อใจ ทั้งเทิดทูน”
เขมชาติเอื้อมมือไปกุมมือเกนหลง
“ตอนแรกๆก็ฟังดูดี หลังๆเว่อร์ไปนะคะ”
“ผมพูดจริงๆนะ ผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่างอย่างคุณ จะหาผู้ชายที่เพอร์เฟคแค่ไหนก็ได้ แต่คุณ
กลับให้โอกาสผู้ชายบ้านๆ ดินๆ อย่างผมได้พิสูจน์ตัวเอง. ผู้หญิงอย่างคุณถ้าเจอแล้วปล่อยให้หลุดมือ ควรไปฆ่า
ตัวตาย”
เกนหลงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าคุณปล่อยเกนหลุดมือจริงๆ อย่าลืมทำตามที่พูดนะคะ”
เขมชาติยิ้มอย่างมั่นใจ
“ไม่ลืม และไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือแน่ๆไม่ว่าผมจะเคยผ่าน ผู้หญิงมาสักกี่คน แต่คุณคือคนดี
คนที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุด”
เกนหลงมองเขมชาติด้วยความซึ้งใจ เขมชาติพูดต่ออ้อนๆ
“เพราะฉะนั้นเห็นแก่ความมุ่งมั่นของผม อย่าอยู่กับคุณเอื้อสองต่อสอง”
เกนหลง ถึงกับหลุดขำ ที่โดนหลอกเข้าเรื่องนี้จนได้ พลางยื่นมือไปบีบจมูกเขมชาติเบาๆ
“ เจ้าเล่ห์ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแบบนี้มีผู้หญิงโดนหลอกมากี่คนแล้วคะ”
เขมชาติสะอึก วูบนั้นก็นึกถึงสุริยงขึ้นมาทันที พลางยิ้มร้ายนิดๆแทนคำตอบ

สุริยงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆไก่กับไข่ พลางลูบผมลูกชายฝาแฝดด้วยความรัก ยามนี้ใบหน้าของ
สุริยงดูอ่อนเยาว์ และผ่อนคลายมากขึ้น พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ พร้อมกับอมยิ้มนิดๆ
สุริยงก้มมองลูกๆแล้วก็คิดถึงสิ่งที่เจ้าสัวเคยพูด

“หนูเล็กรู้มั้ย ว่าทำไมฉันถึงเลือกหนูมาเป็นแม่ของไก่ ไข่”
คุณชวลิตเอ่ยถามสุริยง
“ไม่ทราบค่ะ”
“เพราะหนูเป็นคนหนักแน่น ฉันเคยลองใจมาหลายครั้งแล้ว แม่หนูเล็กเป็นคนกตัญญูกับผู้มี
พระคุณแล้ว แม้แต่ชีวิตหนูก็ยอมแลกได้ คนรุ่นฉันเขาเรียกว่า คนหัวใจทองคำ”
สุริยงฟังแล้ว แทนที่จะดีใจ หากกลับเศร้า
“แต่กับบางคน เขาอาจจะเห็นหนูเล็กเป็นคนไม่มีศักดิ์ศรี เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจ”
คุณชวลิต หันมา “จำไว้นะหนูเล็กทองเนื้อแท้ มันไม่เคยแปรเปลี่ยน วันนี้เขาอาจจะมองไม่เห็น
ค่า แต่ถ้าเขามีตาที่มองเห็นความจริง เขาจะมองเห็นเอง”
แม้จะไม่เห็นด้วย และไม่เข้าใจ แต่สุริยงก็ทนนิ่งเก็บไว้

สุริยงถอนใจเบาๆ โล่งๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขมชาติพูดเมื่อกลางวัน ก่อนที่จะหันมาจูบหน้าผากไก่ กับ
ไข่ด้วยความรัก แล้วก็อมยิ้มกับตัวเอง
ความสุขเล็กๆค่อยๆเติบโต สุริยงได้ยกก้อนหินที่ใช้กดทับความทรงจำออกไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว และ
กำลังจะปล่อยให้มันเติบโต จนหวนมาทำร้ายเธอในภายหลัง

วิบูลย์ยืนมองรูปของสุริยงในชุดนักศึกษา ที่ติดอยู่เต็มผนังบ้านด้วยความพินิจพิจารณา พลันเสียง
สุริยง ก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณวิบูลย์”
วิบูลย์หันมา “สวัสดีครับ” แล้วก็ชะงัก “คุณสุ”
ภาพสุริยงที่ปรากฏแก่สายตาของวิบูลย์ในยามนี้ คือหญิงสาวในชุดทำงาน ที่มีสีสัน ปล่อยผม
สบายๆ แต่งหน้าอ่อนๆออกชมพูดูสดใส
“คุณสุ เปลี่ยนไป มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีค่ะ แค่อยากเปลี่ยน แก้เบื่อ” สุริยงปด
“ก็ดีครับ เปลี่ยนเป็นแบบนี้ ดูสดใส เด็กลงเยอะเลยครับ”
“ ขอบคุณค่ะ” สุริยงยิ้มรับ

“ผมเพิ่งเห็นว่าคุณสุเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับคุณเขมด้วย ดูจากอายุก็น่าจะรุ่นใกล้เคียงกันเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ?”
วิบูลย์ยิงคำถามตรงๆ ด้วยความอยากรู้
“เอ่อ สุไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะเรียนไม่จบ ลาออกมาก่อน” สุริยงตอบเลี่ยงๆ
พลางชวนเปลี่ยนเรื่อง

อ่านละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ตอนที่ 10 วันที่ 6 เม.ย. 57

ละครเรื่อง อย่าลืมฉันบทประพันธ์ : ทมยันตี
ละครเรื่อง อย่าลืมฉันบทโทรทัศน์ : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง อย่าลืมฉันกำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ละครเรื่อง อย่าลืมฉันผลิต : บ. ละครไท จำกัด โดย : หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 น.
ติดตามชมได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3