@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 วันที่ 13 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 วันที่ 13 เม.ย. 57

“ไปสิคะคุณวายุ ถือเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้กราบสวัสดีคุณพ่อคุณด้วย ได้ยินแต่ชื่อท่านมานาน” พูดแล้วเดินตามวายุไปเลย ทิ้งให้สิริพรรั้งท้ายหน้าบอกบุญไม่รับ

บังเอิญเป็นร้านอาหารเดียวกับที่คุณหญิงกานดาแม่ของพีศทรรตกับคุณหญิงมณีนุชแม่ของธัญรดามานั่งกินกันอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองมาปรึกษากันที่จะทำให้พีศทรรตกับธัญรดาได้กลับมาคืนดีกัน พร้อมกับนินทาผู้หญิงที่เข้ามาข้องแวะกับพีศทรรตว่าล้วนแต่เป็นพวกอยากรวยทางลัดด้วยการจับผู้ชายรวยๆ


ระหว่างที่สองแม่มาวางแผนกันนั้น พีศทรรตกำลังเผชิญหน้ากับน้ำผึ้ง เธอบอกเขาว่า ตนไม่เป็นบ้าอย่างที่เคยเป็นแล้ว ตนไม่ทำร้ายคนที่หวังดีกับตนอย่างจริงใจเหมือนเขาและโตโต้ ขอเป็นนางเอกสักเสี้ยวหนึ่งของชีวิตบ้าง ตนไม่อยากให้ทุกคนบนโลกนี้เกลียด ว่าแล้วลุกออกจากห้องประชุมไป

พีศทรรรตตามไปเรียก บอกว่าถ้านับหนึ่งถึงสามไม่หยุดก็จะไม่ตามไปง้ออีก น้ำผึ้งหันไปถามว่า

“กลัวฉันไปตายหรือไง” เขาตอบทันทีว่ากลัวเพราะเธอเป็นเพื่อนตนเป็นห่วง “แล้วเมื่อไหร่จะเปลี่ยนเป็นแฟนล่ะ”

เจอคำถามแบบนี้พีศทรรตถึงกับอึ้ง หน่าย อ่อนใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อชิชากิ๊กจอมซ่าสุดเซ็กซี่ของเขาส่งเสียงแจ๋เข้ามา พอเห็นลินีอยู่กับเขาเธอก็ด่ากราดว่าที่เขาไม่ยอมรับสายตนเพราะกำลังจะมากินปิ่นโตเน่าใกล้หมดอายุนี้หรือ

เป็นเรื่องทันที! น้ำผึ้งถามว่าเธอว่าใครเป็นปิ่นโตเน่า ชิชาตะโกนใส่หน้าว่า “ว่าป้านั่นแหละ” บรรดาที่อยู่รอบข้างพากันเตรียมรับสงครามย่อยๆ พีศทรรตยืนปวดหัวกับศึกใหญ่ตรงหน้า พยายามบอกชิชาให้กลับไปก่อน มีอะไรค่อยพูดกันกลับถูกเธอตบเพียะ! น้ำผึ้งเดินฉับๆ เข้าถึงตัวตบเปรี้ยงจนชิชาหน้าหงายตวาดใส่ “อย่าทำร้ายเพื่อนฉัน!”

น้ำผึ้งลากชิชาออกไปจากออฟฟิศบอกโตโต้ให้สั่ง รปภ.มาหิ้วออกไป ชิชาเสียท่ารีบบอกว่าตนออกไปเองได้แล้วรีบจ้ำออกไปเลย

พีศทรรตมองน้ำผึ้งด้วยความประทับใจที่ช่วยเขาแก้ไขสถานการณ์สั่งสอนจนชิชาล่าถอยไป

ooooooo

วายุพาลินีมานั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่หลังโต๊ะของคุณหญิงมณีนุชและคุณหญิงกานดาที่ยังเม้าท์กันเรื่องจะให้ลูกสาวกับลูกชายกลับไปคืนดีกัน

ลินีมาได้ยินตอนที่คุณหญิงมณีนุชเอ่ยถึงน้ำผึ้ง พอดีว่า...

“แล้วถ้าเกิดว่ายัยน้ำผึ้ง ปินัทธา แม่ดารารอบจัดนั่นไม่ยอมรามือล่ะ เธอจะรับมือยังไงให้ลูกสาวฉันกลับไปอย่างสง่างาม”

น้ำผึ้งชะงักแต่ยังพยายามเก็บอาการ จนพนมทักขึ้นว่าดีใจที่ได้เจอลินีหลังจากที่ได้ยินชื่อมานาน แม้จะทักทายดี แต่ก็จิกกันเรื่องคดีความที่ลินีฟ้องธุรกิจของวายุ ลินีบอกว่าตนทำตามหน้าที่โดยให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ของมัน

“ขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ ไม่อยากร่วมโต๊ะกับทุกคนโดยที่มือตัวเองสกปรก” สินีพูดเหน็บแล้วลุกไป

พนมมองตามอย่างอดพอใจความกล้า ห้าวของลินีไม่ได้ แต่ใจก็ยังสนับสนุนให้วายุชอบพอกับสิริมาที่เคยรักกันมาก่อน

ส่วนลินีไปเข้าห้องน้ำก็บังเอิญเจอสองคุณหญิงเม้าท์กันตั้งแต่ที่โต๊ะจนไปถึงห้องน้ำก็ยังเม้าท์ไม่เลิก โดยเฉพาะการนินทาน้ำผึ้ง โดยคุณหญิงมณีนุชย้ำว่า พีศทรรตไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถูกน้ำผึ้งผู้ร้อนสวาทรวบหัว รวบหางคุณหญิงกานดาจะทำอะไรได้

“ก็อยู่เฉยๆ สิคะ” ลินีทนไม่ได้โพล่งออกไป สองคุณหญิงตกใจมองขวับ “ขอโทษนะคะ คือว่าจะไม่ว่าอะไรแล้ว แต่ทนไม่ไหว คนที่รักกันชอบกัน แต่เข้าไปขวาง บาปนะคะ ยิ่งเอาคนอื่นมานินทาลับหลังเสียหาย เป็นลูกผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ พูดจาดูถูกกันอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปรู้จักนิสัยใจคอเขาเลย ยิ่งบาปหนาค่ะ คงไม่ตายดี ขอบคุณค่ะ”

พูดแล้วลินีสะบัดออกไปเลย ทิ้งให้สองคุณนายที่เม้าท์กันเองมันมากแต่พอถูกโต้แย้งก็ถึงกับเหวอ เอ๋อไปเลย

ลินีกลับไปที่โต๊ะได้ยินพนมกำลังหว่านล้อมให้วายุหันมารักกับสิริมาตามเดิมเพราะสิริมายอมรับตัวตนและธรรมชาติของเขาได้ดีกว่าผู้หญิงคนนั้นพอดี เธอฉุนขาดคว้ากระเป๋าเอ่ยขอโทษขอตัวกลับก่อน พนมถามว่าไม่ทานข้าวด้วยกันก่อนหรือ เลยถูกเหน็บจนทุกคนอึ้งว่า

“ไม่ดีกว่าค่ะ คิดว่ามาเพื่อคุยอย่างเดียวดีกว่า อย่าทานข้าวที่จ่ายด้วยเงินบาปของพวกคุณเลย”

วายุจะลุกตาม ก็ถูกพนมสั่งให้นั่งลง! วายุจำต้องนั่งลง สิริมาแอบยิ้มพอใจ

ooooooo

พีศทรรตอุ้มญาดามาให้นอนหลับที่โซฟาใน ห้องทำงาน ตบหลังเบาๆ กล่อมให้หลับ น้ำผึ้งผลักประตูเข้ามา เขาทักว่านึกว่ากลับไปแล้วเสียอีก

“ฉันนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ ไม่อยากออกไปทั้งที่ยังพลุ่งพล่าน” เขาถามล้อๆ ว่าทำเป็นด้วยหรือ “คนเราควรจะเรียนรู้จากความผิดพลาดบ้าง จะได้ไม่แก่กะโหลกกะลา”

พีศทรรตถามว่าแล้วตกลงจะเอายังไง เธอตอบทันทีว่าแล้วแต่เขา ตนยอมแพ้ไม่รู้จะดื้อเพื่อเอาชนะไปทำไมเพราะ “สุดท้ายฉันเองนั่นแหละที่เจ็บ อีกอย่างฉันเชื่อว่าคุณต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับฉัน”

น้ำผึ้งแสดงความไว้เนื้อเชื่อใจเขา บ่นเสียดายที่เขาเป็นคนดีจิตใจดีพร้อมทุกอย่าง แล้วอ่อย...

“ฉันภาวนา อยากเป็นมากกว่าเพื่อน แต่รู้ค่ะว่า คุณไม่ชอบผู้หญิงแบบฉันหรอก ฉันคงต้องไปหาเพื่อนเพื่อบอกความจริงแล้วละ อ้อ...ตกลงทำไมวันนี้ลูกคุณไม่ไปโรงเรียน”

“แกไม่ค่อยสบาย แต้วลาไปเยี่ยมแม่ที่ป่วย ผมเลยพามาด้วย” เธอแสดงความเห็นใจว่าเหนื่อยหน่อยนะ เขาบอกว่าเหนื่อยแต่มีความสุข น้ำผึ้งเลยย้ำอีกว่า

“ใกล้ชิดลูกมากๆ นะคะ ไม่มีแม่อยู่ด้วย คุณต้องทำหน้าที่เป็นให้ได้ทั้งพ่อและแม่”

“ขอบคุณ” พีศทรรตเอ่ยมองตามน้ำผึ้งที่ออกไปแล้วปิดประตูแผ่วเบาไม่ให้รบกวนญาดาที่หลับอยู่อย่างรู้สึกดี...

พีศทรรตนั่งคิดอะไรบางอย่าง เขาคิดว่า...น่าสนใจ... ถ้าจะเล่นตามเกมของน้ำผึ้ง และใช้เธอมาเป็นกันชนแม่ที่พยายามจะดึงธัญรดากลับมาในชีวิตกับเขาอีกครั้ง... คิดแล้วพึมพำกับตัวเอง “เข้าท่าแฮะ...”

แต่พอน้ำผึ้งออกจากห้องไปแล้วก็นึกขนลุกกับตัวเองที่ลุ้นขอให้พีศทรรตมาเป็นแฟน แต่ก็นึกชมตัวเองว่าการแสดงงใช้ได้จริง จริงๆ ด้วย แต่ขณะกำลังเริงร่านั่นเอง ความฝันก็สลาย เมื่อพีศทรรตโผล่หน้ามาบอกว่า

“อย่าหมดหวังนะ บางคนกว่าจะเจอเนื้อคู่อายุห้าสิบหกสิบก็มี ผมเอาใจช่วยให้คุณเจอคนที่ใช่คนนั้น โชคดี”

ขณะน้ำผึ้งอึ้งอยู่นั่นเอง พีศทรรตก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องเอิน เขาทำเสียงหล่อบอกความคิดถึงและกำลังจะโทร.หาพอดี จ๊ะจ๋ากันอย่างหวานแหววพลางเดินเข้าห้องไป

น้ำผึ้งมองตามตาละห้อย ในที่สุดคนที่เล็งไว้ก็หลุดมือไป ซ้ำยังปิดประตูใส่หน้าอีก เธอเดินคอตกไปอย่างสุดเซ็ง

ooooooo

ที่มุมหนึ่งในฟิตเนส วลัย เป้และลินีกำลังออก กำลังอยู่ ครู่หนึ่งเดินไปเจอน้ำผึ้งยืนจ้องอุปกรณ์นิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์

วลัยถามเป้ว่ากี่โมงแล้ว พอเป้บอกว่าจะหกโมง วลัยพูดอย่างคาดหวังว่า

“ถึงเวลาสนุกแล้วสิ ลินีกับน้ำผึ้งมาแล้ว ขาดก็แค่เมเปิ้ล”

ที่แท้เมเปิ้ลมาถึงประตูทางเข้าฟิตเนสแล้ว แต่มัวตั้งหลักเดินเข้าทีแรกก็บอกตัวเองว่า “ฉันไม่ยอมพังเด็ดขาด” แต่แล้วก็ถอยออกไปพูดใหม่ “พังก็พัง!” แล้วก็เปลี่ยนใจอีกครั้งว่า “เป็นไงเป็นกัน!”

แต่พอจะผลักประตูเข้าไปก็ถูกมือกฤษมาจับมือไว้ เธอหันมองเห็นกฤษยืนยิ้มหวานอยู่ เธอมองอึ้ง...

เช่นเดียวกัน ที่ร้านกาแฟ วายุมาหาสินีที่นั่งเซ็งๆ เขานั่งลงมองหน้ายิ้มให้พลางยกกาแฟดื่ม

ส่วนอีกมุมหนึ่ง น้ำผึ้งที่ยืนจ้องอุปกรณ์อยู่นาน ตัดสินใจขึ้นไปบนลู่วิ่ง กดเปิด พอสายพานเริ่มเคลื่อนจากช้าค่อยเร็วขึ้น แต่จู่ๆ ก็มีมือมาปิดเครื่องจนน้ำผึ้งเกือบคะมำ หันไปจะวีน ก็ชะงักเมื่อเห็นพีศทรรตยืนยิ้มให้อยู่ น้ำผึ้งตกใจ เหวอจนเกือบตกจากอุปกรณ์

ooooooo

เมเปิ้ลที่กำลังจะเข้าฟิตเนส เจอกฤษก็จะเดินกลับ กฤษตามตื๊อว่าตนอุตส่าห์มา มองลึกเข้าไปในดวงตาถามว่าเธออยากให้ตนมาไม่ใช่หรือ

“ฉันอยากให้เธอมาในฐานะแฟน ไม่ใช่ลูกน้อง” แล้วเมเปิ้ลจะเดินหนี ถูกกฤษจับมือดึงเข้าหาตัว เมเปิ้ลไม่ทันตั้งหลักหมุนคว้างเข้าไปซบอกเขาพอดี๊..พอดี ต่างจ้องหน้ากัน ตกอยู่ในภวังค์

“คุณชอบผมจริงหรือ...ตอบผมจริงๆ นะครับ”

“ชอบ...” ตอบเสียงเบาหลบตาผิดกับบุคลิก

กฤษถามถึงวัยที่ต่างกัน หน้าที่การงานที่ด้อยกว่า และฐานะทางการเงินที่เทียบกันไม่ได้เลย เมเปิ้ลตอบ อย่างมั่นใจว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข หน้าที่การงานนั้นสักวันหนึ่งเขาก็จะโต ส่วนฐานะเธอบอกว่า “ไม่เป็นไรฉันรวย”

“ผมมีค่ากับคุณมากถึงขนาดทำให้คุณมองข้ามเงื่อนไขสำคัญพวกนั้นได้ทั้งหมดเลยเหรอครับ”

“โอย...” เมเปิ้ลร้องอย่างเหนื่อยใจ “ที่อุตส่าห์มาเนี่ยมาเพื่อถามเรื่องนี้เหรอ เอาความจริงก็ได้... ฉันโกหก!”

กฤษมึนไปเลย ส่วนเมเปิ้ลก็หน้าเสียที่พลาดท่าหลุดไปแบบนั้น แต่ก็ยังทิฐิบอกว่าไม่มีวันที่ตนจะทำลายชีวิตตัวเองด้วยการไปชอบเด็กอย่างเขา และเขาเองก็มีแฟนแล้วตนไม่โง่สิ้นคิดไปกินน้ำใต้ศอกใคร ไม่ทำผิดศีลธรรม

“แล้วมาบอกว่าชอบผมทำไม คุณคิดจะทำอะไร มีแผนอะไรในใจถึงมาขอให้ผมเป็นแฟน”

เมเปิ้ลถูกรุกตอบไม่ออก กฤษขู่ว่าถ้าไม่บอกตนจะไปบอกเพื่อนๆเธอว่าเธอโกหกตั้งแต่แรก เธอไม่ได้เป็นแฟนตน

เลยวุ่นวายกันเพราะเมเปิ้ลพยายามยื้อยุดไม่ยอมให้ไปบอก พอทำท่าจะยื้อไว้ไม่ไหวเธอเลยกระโดดกอดล็อกไว้ทั้งตัว กระนั้นกฤษก็ยังดึงดันจะเข้าไปบอก เมเปิ้ลประกาศว่าถ้าตนจะเสียหน้ากับเพื่อนพวกนั้นตนจะเป็นคนพูดเอง กฤษไม่ยอมสะบัดหลุดแล้วเดินอ้าวไป

“ไม่จบใช่ไหม...ได้!” เมเปิ้ลวิ่งไล่ไปพลางตะโกน “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก!”

ooooooo

ฝ่ายลินีมองวายุหน้าคว่ำตาเขียว ถามว่าที่อื่นก็มีกาแฟทำไมต้องมากินถึงที่นี่

“ใจมันสั่งว่าให้มากินที่นี่”

ฟังแล้วแทนที่จะพอใจลินีกลับบอกว่าน้ำเน่า อยากจะอ้วกแล้วเบือนหน้าไปแอบขำความขี้เท่อของเขา

วายุตัดสินใจเอาการ์ดแต่งงานในซองให้แต่วางคว่ำไว้ ลินีมองอึ้งถามว่าการ์ดแต่งงานหรือ

“ครับ การ์ดแต่งงานของผม”

ลินีถามว่าเมื่อเขากำลังจะแต่งงานแล้วมายุ่ง กับตนทำไม วายุตอบหน้าตาเฉยว่า “ก็ผมชอบคุณ” เลยถูกลินีที่เข้มงวดเรื่องการกดขี่ทางเพศด่า วายุก็ยังขอโอกาสอีก เลยโดนด่าอีก แต่พอวายุหงายการ์ดแต่งงาน ลินีเห็นชื่อ “ณัฎฐาลินี-วายุบุตร” ก็อึ้ง แต่พาลโกรธอีกหาว่า เขาทำแบบนี้มากไปแล้ว

วายุพยายามจะชี้แจง ลินีพยายามจะแย่งการ์ดไป ยื้อยุดแย่งกันไปมาโดยไม่แคร์สายตาใครเลย

ooooooo

น้ำผึ้งมองพีศทรรตเหวอไม่คิดว่าเขาจะมา หาตน ถามว่าไม่รักแล้วมาทำไม

“ใช่ ผมไม่ได้รักคุณ” น้ำผึ้งถามว่าซักนี๊ดดดก็ไม่รู้สึกมั่งเหรอ “รู้สึกเซ็ง รำคาญ!!” เธอถามว่าแล้วรักล่ะ? เลยโดนด่าว่าแยกชีวิตจริงกับเรื่องแต่งเพื่อความบันเทิงไม่ออกเลยใช่ไหม น้ำผึ้งเหวี่ยงใส่แล้วเดินหนี “น้ำผึ้ง ฉันยังคุยกับเธอไม่จบ”

“แต่ฉันจบ” น้ำผึ้งเดินหนีไปที่ห้องแอโรบิก

พีศทรรตเซ็งแต่ก็ยังตามไป พอเข้าห้องแอโรบิกเห็นสาวๆ แต่งชุดเต้นแอโรบิกพีศทรรตก็มองตาค้าง พวกสาวๆเห็นหนุ่มหล่อมาดดีพลัดเข้ามา ก็ทิ้งสายตาอ่อยกันระนาวเลยถูกน้ำผึ้งชี้หน้าแฉเรียงตัวว่าล้วนแต่มีครอบครัวแล้วบ้างมีคู่บ้าง พีศทรรตเลยจับเธอลากออกไป

สามสาวบนคานทองกับสามหนุ่มก่อเรื่องป่วนไปทั้งฟิตเนส วลัยเห็นแล้วกุมขมับตะโกนถาม

“ทำอะไรก๊านนนนนนน...โอยยยยยยย!!!”

บรรดาสมาชิกในฟิตเนสต่างหยุดเล่นมองดู หนุ่มสาวสามคู่ที่วุ่นวายกันตาค้าง

ooooooo

หลังศึกสงบ วลัยและเป้พาสามหนุ่มสามสาว ไปนั่งร้านกาแฟในฟิตเนส ปรากฏบรรยากาศหวานแหวว พนักงานใส่ผ้ากันเปื้อนปักรูปหัวใจ ถ้วยกาแฟก็มีฟองนมเป็นรูปหัวใจ

สามสาวรู้สึกเอียนกับบรรยากาศนั้น ต่างตกกระไดพลอยโจน ยังไงก็ต้องวางมาดข่มกันไว้ก่อน แต่สำหรับพีศทรรตกับวายุต่างชื่นมื่น จะมีก็แต่กฤษกระซิบถามเมเปิ้ลว่า

“อยากสารภาพกับเพื่อนว่าคุณโกหกเรื่องแต่งงานกับผมก็พูดเลยสิครับ ตอนนี้จังหวะดีมาก”

“แถวบ้านเรียกจังหวะนรก! เงียบไปเลย!!” เธอ จิกลอดไรฟัน

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 วันที่ 13 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตรา
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ